เชียงใหม่ 16 ส.ค. – จังหวัดเชียงใหม่ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ แถลงข่าวการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 49 ประจําปี 2566 ในวันที่ 7 และ 10 กันยายนนี้ ที่สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี พร้อมจำหน่ายบัตรเริ่ม 1 กันยายนนี้ มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว โดยผลจับสลาก ไทย พบ เลบานอน ส่วน อิรัก พบกับอินเดีย
ที่อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และนางนวลพรรณ ล่ำซํา ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ร่วมแถลงข่าวการจัดการแข่งขันฟุตบอล คิงส์คัพ” ครั้งที่ 49 นายพิชัย กล่าวว่าสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยให้โอกาสเชียงใหม่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 49 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งครั้งนี้จัดในวันที่ 7 และ 10 กันยายน 2566 ณ สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี โดยมีทีมนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันจากไทย, อินเดีย, เลบานอน และอิรัก จึงหวังให้กิจกรรมนี้สร้างความสุขสนุกสนานและได้กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียงด้วย ผู้ที่สนใจสามารถซื้อบัตรได้ โดยจะจำหน่ายบัตรแบบออนไลน์ วันที่ 1 กันยายน และแบบออฟไลน์ซื้อได้ 3 กันยายน ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ เวลา 09.00 น. ปีนี้จำหน่ายบัตรราคา 100 บาท บัตรมีหลังคา 150 บาท รายละเอียดติดตามผ่านเพจ อบจ.ส่วนการแข่งขันในช่วงหน้าฝนเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเจอ แต่จะแจ้งคะแนนแบบดิจิตอลและมีจอแอลอีดีให้ดู 4 จอ ย้ำปีนี้จะทำให้ดีกว่าปีที่ผ่านมา
สำหรับการจับสลากประกบคู่การแข่งขันใช้ระบบสากล โดยไทยเป็นทีมยืน และอิรักได้แร๊งกิ้งฟีฟ่าสูงสุด จึงอยู่อีกฝั่ง โดยอันดับฟีฟ่าแร๊งกิ้ง ไทยอยู่ที่อันดับ 113 , อิรัก อันดับ 70, อินเดีย อันดับ 99 และเลบานอน อันดับ 100 โดยผลจับสลาก ปรากฏว่าไทย พบกับ เลบานอน และอิรัก พบกับอินเดีย
นางนวลพรรณ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย กล่าวว่า หนักใจกับการแข่งขันครั้งนี้เพราะที่ผ่านมาไทยไม่ได้ถ้วยคิงส์คัพมา 7 ปีแล้ว แต่ปีนี้แม้ว่าจะเจอทีมที่มีอันดับแร๊งกิ้งที่สูง แต่ไทยจะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด ส่วนนักเตะมีวางไว้ในใจแล้ว ซึ่งจะเก็บตัวตั้งแต่ 30 สิงหาคม และบินมาเชียงใหม่ 4 กันยายน ส่วนการเปิดตัวลงสมัครเป็นนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดเรื่องนโยบาย แต่เชื่อว่าฟุตบอลทุกส่วนมีความสำคัญเชื่อมโยงกันหมด จึงต้องร่วมพัฒนาเพื่อความเป็นเลิศไปสู่มิติทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย
ส่วนการคัดเลือกบอลโลกในพฤศจิกายนนี้ ในรอบที่ 3 ไทยอยู่ในสายที่แข็งมาก จึงต้องได้แชมป์หรือรองแชมป์เท่านั้น ถึงจะผ่านเข้ารอบ ซึ่งความฝันไปบอลโลก เป็นความฝันของทุกชาติในเอเชีย ทุกชาติก็มีพัฒนาการและทุกคนก็มีความหวังอย่างเดียวกัน จึงเป็นเรื่องที่ไทยต้องพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด. -สำนักข่าวไทย