สั่งปรับสปีดโบ๊ทฝ่าคลื่นลมแรงจากพีพี กลับภูเก็ต

3 ส.ค. – เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต สั่งปรับผู้ควบคุมเรือนำเที่ยวสปีดโบ๊ท ฝ่าฝืนคำสั่งเดินเรือขณะคลื่นลมแรง ด้านกัปตันเรือขอความเป็นธรรม พร้อมแจงเหตุผลต้องฝ่าคลื่นจากพีพี กลับภูเก็ต


กรณีปรากฎภาพเรือนำเที่ยวสปีดโบ๊ทอย่างน้อย 2 ลำ แล่นฝ่าคลื่นลมแรงจากเกาะพีพี จ.กระบี่ เพื่อกลับมายังท่าเทียบเรือใน จ.ภูเก็ต และมีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่โดยสารมากับเรือไม่สวมใส่เสื้อชูชีพ จนเป็นที่วิตกเรื่องของความปลอดภัย เกรงเกิดเหตุไม่คาดคิด เนื่องจากในระยะนี้คลื่นลมในทะเลค่อนข้างแรง และมีประกาศจากทางหน่วยงานราชการให้ระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

เรื่องนี้ เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต มีคำสั่งให้ตรวจสอบ พบว่าเรือเร็วทั้ง 2 ลำ คือเรือณัฐทิชา 555 และเรือ ที เอส เค 6 ได้ฝ่าคลื่นลมแรงความสูงประมาณ 3 เมตร ระหว่างทางกลับจากเกาะพีพี จ.กระบี่ เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมาจริง จึงได้สั่งปรับผู้ควบคุมเรือ ฐานฝ่าฝืนคำสั่งเดินเรือขณะคลื่นลมแรง และนัดให้มาชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป


ทั้งนี้ เจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ได้มีประกาศให้ระมัดระวังการเดินเรือ ระหว่างวันที่ 2-3 สิงหาคมนี้ เนื่องจากมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ตอนบน ประกอบกับมีพายุดีเปรสชั่นกำลังแรงปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนบน ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนมากขึ้น และมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย ขอให้นายเรือและผู้ควบคุมเรือ เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือห่างฝั่ง บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตควรงดออกจากฝั่ง และเรือที่มีขนาดความยาวน้อยกว่า 10 เมตร ห้ามออกจากฝั่งไปยังทะเลเปิด

นายอำเภอเมืองภูเก็ต พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ เจ้าท่า ภูมิภาค สาขาภูเก็ต, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวเรือณัฐทิชา 555 และเรือ ที เอส เค 6, กัปตันเรือ และมัคคุเทศก์ ร่วมชี้แจงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวออกไป เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายจิรทีปต์ ประโมงกิจ กัปตันเรือณัฐทิชา 555 ซึ่งเป็นเรือที่ถูกถ่ายคลิป ขอความเป็นธรรม พร้อมแจงเหตุผลต้องฝ่าคลื่นจากพีพีกลับภูเก็ต หลังมีการเผยแพร่ภาพขณะเรือแล่นฝ่าคลื่นสูง โดยระบุว่า ก่อนเดินทางได้ตรวจเช็กสภาพอากาศเรียบร้อย ซึ่งในการนำเรือออกไปในช่วงเช้าวันเกิดเหตุสถานการณ์ปกติ กระทั่งไปถึงเกาะพีพี จ.กระบี่ เรียบร้อย และก่อนที่จะนำเรือกลับมายัง จ.ภูเก็ต ได้มีการตรวจสภาพอากาศและประเมินศถานการร์แล้ว พบว่า คลื่นลมจะแรงในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. จึงได้แจ้งไปยังบริษัทฯ ให้ทราบ และให้นำเรือออกจากเกาะพีพีเวลาประมาณ 13.50 น. เพราะในการเดินทางจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะถึงก่อนที่จะสภาพอากาศจะเปลี่ยนแน่นอน แต่หลังจากที่ออกเรือมาได้ประมาณ 20-30 นาที ปรากฏว่า ได้เกิดคลื่นลมแรงรวมทั้งมีฝนตกด้วย โดยมีเรือที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันประมาณ 10 ลำ เรือของตนมี 2 เครื่อง จึงได้ขับตามเรือ 3 เครื่อง ซึ่งเป็นเรือใหญ่ เหหมือนเป็นเรือนำร่องช่วยฟันคลื่นให้ รวมทั้งยังมีเรือลำอื่นๆ ตามกันมาด้วย ซึ่งจะมีความปลอดภัยมากกว่าการนำเรือกลับไปยังเกาะพีพี เพราะการเลี้ยวเรือกลับมีโอกาสพลาดและพลิกคว่ำได้ ซึ่งการขับตามกันมาเป็นวิธีการของคนเดินเรือที่รู้กันเมื่อเจอกับคลื่นจะต้องให้เรือที่มีขนาดใหญ่นำหน้าเพื่อช่วยฟันคลื่น และเกาะกลุ่มกันไป เพื่อความปลอดภัย ส่วนที่เห็นภาพว่าเรือไปทางซ้ายทีขวาที เป็นลักษณะของการเดินเรือเมื่อเจอคลื่น เพราะหากให้เรือปะทะกับคลื่นโดยตรงจะทำให้เรือแตกได้ จำเป็นต้องวิ่งแนวเฉียงเป้นการเล่นคลื่นเพื่อลดแรงกระแทกซึ่งในวันนั้นคลื่นสูงประมาณ 3-4 เมตร ในส่วนของผู้ประกอบการของเรือทั้ง 2 ลำ ยืนยันว่า ก่อนออกเรือทุกครั้งจะตรวจสอบสภาพเรือ ความพร้อมของเรือ อุปกรณ์ด้านความปลอดภัย ชูชีพ ตลอดจนความพร้อมของคนขับเรือแลควบคุมเรือ ซึ่งเป็นไปตามมาตรการความปลอดภัยที่หน่วยงานภาครัฐกำหนดทุกประการ และเมื่อเรือออกจากท่าก็จะมีการประสานกับทางกัปตันเรือตลอด รวมทั้งจะแจ้งสภาพอากาศ รวมทั้งการสอบถามความเห็นขอกัปตันเรือ เพราะบางครั้งขาไปสภาพคลื่นลมสงบ แต่เมื่อไปถึงกลางทะเลก็อาจมีคลื่นลมได้ ซึ่งในระหว่างนั้นก็ต้องให้กัปตันช่วยประเมิน ซึ่งเราให้ความสำคัญมากในเรื่องของความปลอดภัย


ส่วนกรณีที่เห็นนักท่องเที่ยวบางคนไม่สวมเสื้อชูชีพขณะที่อยู่บนเรือนั้น ทางมัคคุเทศก์แจ้งว่า ก่อนออกจากท่าฯ นักท่องเที่ยวทุกคนที่ลงเรือสวมเสื้อชูชีพทุกคน แต่เมื่อนั่งไปได้ระยะหนึ่งปรากฏว่าเมาคลื่น อาเจียน จึงถอดเสื้อชูชีพออก และเป็นช่วงที่กล้องจับภาพได้ มีเพียง 2 คน แต่หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยนักท่องเที่ยวก็ใส่เสื้อชูชีพกลับเหมือนเดิม

ด้านนายอดูลย์ ระลึกมูล เจ้าพนักงานตรวจเรือ ย้ำขอให้ติดตามประกาศของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต และให้ผู้ประกอบการกวดขันเพื่อรักษาตามมาตรการความปลอดภัยในช่วงมรสุมนี้ และขอให้นายเรือและผู้ควบคุมเรือเพิ่มความระมัดระวังเดินเรือ หลีกเลี่ยงการเดินเรือห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ควรงดออกจากฝั่ง และเรือที่มีขนาดความยาวน้อยกว่า 10 เมตร ห้ามออกจากฝั่งไปยังทะเลเปิด. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย

23 มิ.ย.- ‘ปลัดฯ บุญสงค์’ รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดระยะเวลาการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย ขณะที่ล่าสุดแจ้งขอกลับเพิ่ม 9 ราย วันที่ 23 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะ รับและพบปะพูดคุยให้กำลังใจแรงงานไทยซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท Chemo Aharon Ltd. จำนวน 22 ราย ที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรม สัญญาจ้าง 2 ปี และเป็นกลุ่มแรงงานที่สิ้นสุดโปรเจคระยะสั้น จึงเดินทางกลับประเทศไทย โดย ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แรงงานกลุ่มดังกล่าวมีกำหนดเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จึงทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ตามกำหนด โดยทางบริษัท […]

กองทัพสั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ชายแดนไทย-กัมพูชา

23 มิ.ย.- “กองทัพ” สั่งปิด 6 ด่าน 10 จุดผ่อนปรน ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยกเว้นช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม-นักเรียน วันที่ 23 มิ.ย.68 เวลา 19.10 น. กองทัพภาคที่ 1 ได้เผยแพร่คำสั่งกองทัพภาคที่ 1 เรื่องควบคุมการเปิด – ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท ลงนามโดย พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 สำหรับเนื้อหาระบุว่า เนื่องด้วยปัจจุบัน ปรากฏข่าวสารทหารกัมพูชามีการรุกลํ้าอธิปไตยในพื้นที่ของประเทศไทยโดยการลาดตระเวน ปรับปรุงที่มั่น และดัดแปลงภูมิประเทศ รวมถึงมีการนำประชาชนเข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ความปลอดภัยของประชาชนตามแนชายแดนได้รับความเดือดร้อน และเกิดความตึงเครียด จากสถานการณ์ดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ที่เดินทางข้ามแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 รวมถึงยังปรากฎการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการ Call Center และ Hybrid Scamซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในประเทศ และในภูมิภาคเป็นวงกว้าง กองทัพภาคที่ 1ในฐานะที่เป็นหน่วยรับผิดชอบพื้นที่แนวชายแดนไทย – […]

นายกฯ ขีดเส้น 3 เดือนเห็นผล แก้อาชญากรรมข้ามชาติ

ทำเนียบ 23 มิ.ย.- นายกฯ นำแถลงไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ สั่งตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้มการเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดนักพนันบินไปเสียมราฐ จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้านทหาร-ตำรวจ จับมือ ปปง. คว่ำบาตรขบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือนสถิติแจ้งความต้องลดลง ไทยประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมอาสาเป็นเจ้าภาพร่วมมือนานาชาติ ขณะ “นายกฯ” สั่ง ตัดอินเทอร์เน็ตที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคงกัมพูชาทั้งหมด เข้ม การเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด สกัดบินเล่นพนัน – จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้าน ทหารตำรวจ จับ มือ ปปง.คว่ำบาตร กระบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ ขีดเส้น 3 เดือน เห็นผล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า รัฐบาลประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยที่ไทยอาสาเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในการหาความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของประเทศไทยในระดับนานาชาติ […]

ผบ.ตร.ยันเอาผิด “ฮุน เซน” ได้หรือไม่ขึ้นกับพยานหลักฐาน

23 มิ.ย. – ผบ.ตร. ระบุสอบสวนปมคลิปเสียง “ฮุน เซน” อาจเชิญนายกฯ ไทย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวน ส่วนการดำเนินคดีเอาผิด “ฮุน เซน” ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีต ผบ.ตร. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา (อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ในความผิดต่อกฎหมายไทย ว่าก่อนหน้านี้ทางเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เดินทางมาเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้นำของประเทศกัมพูชา ตนเองเชื่อว่าทั้งหมดมีความรักชาติ รักแผ่นดิน จึงมีการนำข้อมูลมามอบให้กับตำรวจ แต่ต้องยอมรับว่า 2 กรณีเป็นคนละเหตุการณ์ และเกิดในพื้นที่แตกต่างกัน ย้ำตำรวจไม่หนักใจ และได้สั่งการให้หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องนำเรื่องไปพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจเพื่อนำมาเสนอกลับให้ตนเอง การที่มีหลักฐานต่างๆ ยิ่งเป็นเรื่องดี เพื่อยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ต่อให้เป็นเรื่องนอกราชอาณาจักร ส่วนจะมีการสอบปากคำในส่วนของผู้ถูกกล่าวถึง อย่างสมเด็จฮุน เซน ด้วยหรือไม่นั้น การจะเอาผิดได้หรือไม่อยู่ที่การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เบื้องต้นต้องสอบสวนในส่วนของผู้กล่าวหาก่อน ส่วนข้อมูลของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะสามารถเอาผิดผู้นำประเทศกัมพูชา ได้หรือไม่ต้องเป็นการพิจารณาของพนักงานสอบสวนก่อนเช่นกัน ส่วนกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง […]