fbpx

สั่งปรับสปีดโบ๊ทฝ่าคลื่นลมแรงจากพีพี กลับภูเก็ต

3 ส.ค. – เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต สั่งปรับผู้ควบคุมเรือนำเที่ยวสปีดโบ๊ท ฝ่าฝืนคำสั่งเดินเรือขณะคลื่นลมแรง ด้านกัปตันเรือขอความเป็นธรรม พร้อมแจงเหตุผลต้องฝ่าคลื่นจากพีพี กลับภูเก็ต


กรณีปรากฎภาพเรือนำเที่ยวสปีดโบ๊ทอย่างน้อย 2 ลำ แล่นฝ่าคลื่นลมแรงจากเกาะพีพี จ.กระบี่ เพื่อกลับมายังท่าเทียบเรือใน จ.ภูเก็ต และมีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่โดยสารมากับเรือไม่สวมใส่เสื้อชูชีพ จนเป็นที่วิตกเรื่องของความปลอดภัย เกรงเกิดเหตุไม่คาดคิด เนื่องจากในระยะนี้คลื่นลมในทะเลค่อนข้างแรง และมีประกาศจากทางหน่วยงานราชการให้ระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

เรื่องนี้ เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต มีคำสั่งให้ตรวจสอบ พบว่าเรือเร็วทั้ง 2 ลำ คือเรือณัฐทิชา 555 และเรือ ที เอส เค 6 ได้ฝ่าคลื่นลมแรงความสูงประมาณ 3 เมตร ระหว่างทางกลับจากเกาะพีพี จ.กระบี่ เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมาจริง จึงได้สั่งปรับผู้ควบคุมเรือ ฐานฝ่าฝืนคำสั่งเดินเรือขณะคลื่นลมแรง และนัดให้มาชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป


ทั้งนี้ เจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ได้มีประกาศให้ระมัดระวังการเดินเรือ ระหว่างวันที่ 2-3 สิงหาคมนี้ เนื่องจากมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ตอนบน ประกอบกับมีพายุดีเปรสชั่นกำลังแรงปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนบน ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนมากขึ้น และมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย ขอให้นายเรือและผู้ควบคุมเรือ เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือห่างฝั่ง บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตควรงดออกจากฝั่ง และเรือที่มีขนาดความยาวน้อยกว่า 10 เมตร ห้ามออกจากฝั่งไปยังทะเลเปิด

นายอำเภอเมืองภูเก็ต พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ เจ้าท่า ภูมิภาค สาขาภูเก็ต, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวเรือณัฐทิชา 555 และเรือ ที เอส เค 6, กัปตันเรือ และมัคคุเทศก์ ร่วมชี้แจงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวออกไป เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายจิรทีปต์ ประโมงกิจ กัปตันเรือณัฐทิชา 555 ซึ่งเป็นเรือที่ถูกถ่ายคลิป ขอความเป็นธรรม พร้อมแจงเหตุผลต้องฝ่าคลื่นจากพีพีกลับภูเก็ต หลังมีการเผยแพร่ภาพขณะเรือแล่นฝ่าคลื่นสูง โดยระบุว่า ก่อนเดินทางได้ตรวจเช็กสภาพอากาศเรียบร้อย ซึ่งในการนำเรือออกไปในช่วงเช้าวันเกิดเหตุสถานการณ์ปกติ กระทั่งไปถึงเกาะพีพี จ.กระบี่ เรียบร้อย และก่อนที่จะนำเรือกลับมายัง จ.ภูเก็ต ได้มีการตรวจสภาพอากาศและประเมินศถานการร์แล้ว พบว่า คลื่นลมจะแรงในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. จึงได้แจ้งไปยังบริษัทฯ ให้ทราบ และให้นำเรือออกจากเกาะพีพีเวลาประมาณ 13.50 น. เพราะในการเดินทางจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะถึงก่อนที่จะสภาพอากาศจะเปลี่ยนแน่นอน แต่หลังจากที่ออกเรือมาได้ประมาณ 20-30 นาที ปรากฏว่า ได้เกิดคลื่นลมแรงรวมทั้งมีฝนตกด้วย โดยมีเรือที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันประมาณ 10 ลำ เรือของตนมี 2 เครื่อง จึงได้ขับตามเรือ 3 เครื่อง ซึ่งเป็นเรือใหญ่ เหหมือนเป็นเรือนำร่องช่วยฟันคลื่นให้ รวมทั้งยังมีเรือลำอื่นๆ ตามกันมาด้วย ซึ่งจะมีความปลอดภัยมากกว่าการนำเรือกลับไปยังเกาะพีพี เพราะการเลี้ยวเรือกลับมีโอกาสพลาดและพลิกคว่ำได้ ซึ่งการขับตามกันมาเป็นวิธีการของคนเดินเรือที่รู้กันเมื่อเจอกับคลื่นจะต้องให้เรือที่มีขนาดใหญ่นำหน้าเพื่อช่วยฟันคลื่น และเกาะกลุ่มกันไป เพื่อความปลอดภัย ส่วนที่เห็นภาพว่าเรือไปทางซ้ายทีขวาที เป็นลักษณะของการเดินเรือเมื่อเจอคลื่น เพราะหากให้เรือปะทะกับคลื่นโดยตรงจะทำให้เรือแตกได้ จำเป็นต้องวิ่งแนวเฉียงเป้นการเล่นคลื่นเพื่อลดแรงกระแทกซึ่งในวันนั้นคลื่นสูงประมาณ 3-4 เมตร ในส่วนของผู้ประกอบการของเรือทั้ง 2 ลำ ยืนยันว่า ก่อนออกเรือทุกครั้งจะตรวจสอบสภาพเรือ ความพร้อมของเรือ อุปกรณ์ด้านความปลอดภัย ชูชีพ ตลอดจนความพร้อมของคนขับเรือแลควบคุมเรือ ซึ่งเป็นไปตามมาตรการความปลอดภัยที่หน่วยงานภาครัฐกำหนดทุกประการ และเมื่อเรือออกจากท่าก็จะมีการประสานกับทางกัปตันเรือตลอด รวมทั้งจะแจ้งสภาพอากาศ รวมทั้งการสอบถามความเห็นขอกัปตันเรือ เพราะบางครั้งขาไปสภาพคลื่นลมสงบ แต่เมื่อไปถึงกลางทะเลก็อาจมีคลื่นลมได้ ซึ่งในระหว่างนั้นก็ต้องให้กัปตันช่วยประเมิน ซึ่งเราให้ความสำคัญมากในเรื่องของความปลอดภัย


ส่วนกรณีที่เห็นนักท่องเที่ยวบางคนไม่สวมเสื้อชูชีพขณะที่อยู่บนเรือนั้น ทางมัคคุเทศก์แจ้งว่า ก่อนออกจากท่าฯ นักท่องเที่ยวทุกคนที่ลงเรือสวมเสื้อชูชีพทุกคน แต่เมื่อนั่งไปได้ระยะหนึ่งปรากฏว่าเมาคลื่น อาเจียน จึงถอดเสื้อชูชีพออก และเป็นช่วงที่กล้องจับภาพได้ มีเพียง 2 คน แต่หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยนักท่องเที่ยวก็ใส่เสื้อชูชีพกลับเหมือนเดิม

ด้านนายอดูลย์ ระลึกมูล เจ้าพนักงานตรวจเรือ ย้ำขอให้ติดตามประกาศของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต และให้ผู้ประกอบการกวดขันเพื่อรักษาตามมาตรการความปลอดภัยในช่วงมรสุมนี้ และขอให้นายเรือและผู้ควบคุมเรือเพิ่มความระมัดระวังเดินเรือ หลีกเลี่ยงการเดินเรือห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ควรงดออกจากฝั่ง และเรือที่มีขนาดความยาวน้อยกว่า 10 เมตร ห้ามออกจากฝั่งไปยังทะเลเปิด. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โผ ครม. “เศรษฐา 2” ลงตัว ก.คลัง จัด รมช. 3 เก้าอี้

โผ ครม. เศรษฐา 2 ลงตัว ก.คลัง จัด รมช. 3 เก้าอี้ เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่ พปชร. ยึด ก.เกษตรฯ ด้าน “สุชาติ” นั่ง รมช.พาณิชย์ พร้อมทาบ “พวงเพ็ชร” ที่ปรึกษานายกฯ โค้งสุดท้ายสลับ “สุดาวรรณ” นั่ง ก.วัฒนธรรม “เสริมศักดิ์” ไป ก.ท่องเที่ยวฯ

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ข่าวแนะนำ

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม. “เศรษฐา 1/1”

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ โปรดเกล้าฯ ครม.เศรษฐา 1/1 แล้ว “พิชัย” รองนายกฯ ควบ รมว.คลัง โยก “สมศักดิ์” นั่ง รมว.สธ. แทน “นพ.ชลน่าน”

อาลัย “ดาบต้าร์” ตร.ทางหลวง เสียชีวิตแล้ว

ข่าวเศร้าเช้าวันหยุด ด.ต.ปิยะนันท์ สีเสื้อ หรือ “ดาบต้าร์” เสียชีวิตแล้ว หลังบาดเจ็บสาหัสจากเหตุเก๋งพุ่งชนขณะอำนวยการจราจรช่วงสงกรานต์

ไฟไหม้ “วิน โพรเสส” ยังคงพบไอระเหยสารเคมี 10 ชนิด

กรมควบคุมมลพิษ เผยผลตรวจติดตามผลกระทบทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากเหตุเพลิงไหม้โกดังโรงงานเก็บกากของเสียอุตสาหกรรมและสารเคมีอันตราย ล่าสุดยังคงพบไอระเหยสารเคมี 10 ชนิด ในปริมาณเล็กน้อย แต่บางจุดพบสารบางชนิดในระดับจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ระคายเคืองตาและผิวหนัง พร้อมร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เตรียมแผนรับมือช่วงฤดูฝน ที่อาจจะมีวัตถุอันตรายหลุดออกมานอกพื้นที่

ราคาไข่ไก่ปรับขึ้นอีก 20 สตางค์ แตะ 3.80 บาท

เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ประกาศปรับขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอีก 20 สตางค์ โดยเป็นการขยับราคาห่างจากรอบที่แล้วไม่ถึง 2 สัปดาห์ สาเหตุเพราะช่วงนี้อากาศร้อนยิ่งขึ้นอีก ปริมาณไข่ไก่ลดและขนาดฟองเล็กลง ประกอบกับสงครามในต่างประเทศ ทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้น สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ วอนผู้บริโภคเข้าใจและขออย่าตกใจ ปริมาณไข่ไก่แม้น้อยลง 5-10% แต่ยังเพียงพอบริโภค