คุมตัวลูกสาวทำตัวไฮโซเค้นสอบคดีพ่อถูกยิง 4 นัดดับคาสวนหลังบ้าน

ชุมพร 25 ก.ค. – ตำรวจคุมตัวลูกสาวทำตัวไฮโซ เช่ารถหรูวันละหมื่นขับทั่วเมืองชุมพร ต้องสงสัยยิงพ่อเสียชีวิตคาสวนทุเรียนหลังบ้าน แต่ไม่ยอมพูด อ้างจะให้การในชั้นศาล ก่อนนำตัวส่งศาลฝากขัง


จากเหตุการณ์เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ต.มาโนช ปลอดขันเงิน สว.(สอบสวน) สภ.หลังสวน รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตภายในสวนทุเรียน หลังบ้านหมู่ 18 ต.บ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร จึงก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.หลังสวน และหน่วยกู้ชีพกู้ภัย

ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตคือ นายประสิทธิ์ อายุ 63 ปี สภาพถูกอาวุธปืนยิงเข้าบริเวณหน้าอกและหน้าท้อง 4 นัด ใกล้กันพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ในพงหญ้า 1 กระบอก พบปลอกกระสุนตกอยู่ห่างศพ 4 ปลอก และพบกระสุนชนิดเดียวกันที่ยังไม่ได้ยิงอีก 1 นัด ตกอยู่ใต้โคนต้นทุเรียน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน


จากการสอบถามนางชลิตา อายุ 58 ปี ภรรยาผู้ตาย เล่าว่า ตนเองทำงานอยู่ภายในบ้าน ส่วนสามีเข้าไปในสวนหลังบ้าน ซึ่งเป็นสวนยาง สวนปาล์ม และสวนทุเรียน โดยสามีชอบพกปืนสั้นเป็นประจำ วันเกิดเหตุตนเองได้ยินเสียงปืนแต่ไม่ได้แปลกใจอะไร ถือเป็นเรื่องปกติ กระทั่งช่วงเย็นเดินเข้าไปตาม เพราะเห็นสามีหายไปนาน พบสามีถูกยิงเสียชีวิตอยู่กลางสวนทุเรียนแล้ว จึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

ขณะเดียวกันตำรวจสอบสวนพยานแวดล้อม ทราบว่าผู้ตายชอบยิงปืนบ่อยครั้ง จนชาวบ้านใกล้เคียงรู้สึกหวาดผวาและเกรงกระสุนจะตกใส่ได้รับอันตราย นอกจากนั้นผู้ตายมักมีทะเลาะกับลูกสาว และช่วงเกิดเหตุลูกสาวมาหาผู้ตาย หลังเกิดเหตุได้หายตัวไป

ความคืบหน้ากลางดึกวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ธีรนันท์ ชุมวรฐายี รอง ผกก.ส.ส.สภ.หลังสวน นำตัว น.ส.จุฑาพร อายุ 35 ปี ลูกสาวผู้ตาย ขณะพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์กลางเมืองชุมพร พร้อมรถ BMW รุ่น Z4 S Drive 30 i ที่ขับไปหาพ่อช่วงเกิดเหตุ มาให้พนักงานสอบปากคำ โดยมี นางชลิตา อายุ 58 ปี ผู้เป็นแม่ อยู่เป็นเพื่อนด้วย จากการสอบปากคำ น.ส.จุฑาพร ไม่ยอมปริปากพูดใดๆ ทั้งสิ้น อ้างเพียงว่าจะไปให้การในชั้นศาลอย่างเดียว


ต่อมา น.ส.จุฑาพร และนางชลิตา ผู้เป็นแม่ ออกจากห้องสอบสวนมาพบญาติที่มาเยี่ยมและทำธุระส่วนตัว ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม น.ส.จุฑาพร ถึงกรณีที่เกิดขึ้น น.ส.จุฑาพร ส่ายหน้า พร้อมกับบอกว่าไม่มีอะไรจะพูด จากนั้นรีบเดินเข้าห้องสอบสวน

ผู้สื่อข่าวสอบถามนางชลิตา ผู้เป็นแม่ บอกว่าก่อนเกิดเหตุลูกสาวขับรถเก๋งมาที่บ้านเกือบบ่าย 2 โมง ส่วนตนอยู่ในบ้าน ไม่เห็นเหตุการณ์ใด ระหว่างผู้สื่อข่าวสอบถามนางชลิตา ปรากฏว่า น.ส.จุฑาพร ได้ย้อนออกมาเรียกผู้เป็นแม่ให้เข้าไปในห้องสอบสวนทันที

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ชุมพร เดินทางมาเก็บลายนิ้วมือแฝงภายในรถเก๋ง BMW รุ่น Z4 S Drive 30 i ที่ตำรวจตรวจยึดไว้ที่ สภ.หลังสวน เพื่อประกอบสำนวนคดี

จากแนวทางการสืบสวนสอบสวนทราบว่า น.ส.จุฑาพร เป็นคนไม่พูดและไม่สุงสิงกับใคร ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เนื่องจากไปประกอบธุรกิจร้านอาหารใน อ.ปะทิว จ.ชุมพร แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ต้องปิดกิจการ โดยเช่าอพาร์ตเมนต์หรูอยู่ในย่านกลางเมืองชุมพร ชอบทำตัวเป็นไฮโซ และเช่ารถเก๋ง BMW รุ่น Z4 S Drive 30 i มาใช้ เสียค่าเช่าวันละ 10,000 บาท จ่ายเป็นรายสัปดาห์ๆ ละ 70,000 บาท โดยเช่ามานานหลายเดือนแล้ว ที่ผ่านมาชอบไปขอเงินจากแม่มาใช้เป็นประจำ และมักมีปากเสียงกับผู้เป็นพ่อบ่อยครั้ง เพราะลูกสาวชอบมาขอเงิน จนกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดที่ลูกสาวกลับบ้าน

กระทั่งวันเกิดเหตุ น.ส.จุฑาพร ขับรถเก๋งกลับมาที่บ้านช่วงบ่าย หลังเกิดเหตุพบศพนายประสิทธิ์ถูกยิงอยู่ในสวนทุเรียนหลังบ้านดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.หลังสวน เปิดเผยว่า เบื้องต้นแม้ผู้ต้องสงสัยจะไม่พูดอะไร จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า น.ส.จุฑาพร ขับรถออกมาจากอพาร์ตเมนต์ในตัวเมืองชุมพร กลับมาที่บ้านใน อ.หลังสวน เพียงคนเดียว จากการรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นเชื่อว่า น.ส.จุฑาพร น่าจะมีปากเสียงกับผู้เป็นพ่อ แล้วเกิดแย่งปืนกันขึ้น

พ.ต.อ.ฉลาด เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนตรวจยึดเสื้อผ้า น.ส.จุฑาพร และของผู้ตาย รวมทั้งอาวุธปืน ส่งกองพิสูจน์หลักฐานภาค 8 เพื่อตรวจเก็บดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝง ซึ่งจะรู้ผลเร็วๆ นี้ ส่วนเบื้องแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.จุฑาพร ฐานกระทำฆ่าบุพการีตายโดยเจตนา

ต่อมาเวลา 15.00 น. ภายหลังสอบปากคำเสร็จ ตำรวจคุมตัว น.ส.จุฑาพร ไปขออำนาจศาลจังหวัดหลังสวน ฝากขัง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง