ชลบุรี 30 พ.ค. – รื้อแล้ว “บ้านสุขาวดี” หลังยืดเยื้อนานนับสิบปี ที่สุด ศาลปกครองสูงสุดออกคำสั่งยกเลิกการคุ้มครองอาคารบนพื้นที่พิพาท 11 ไร่ ริมทะเล รุกที่สาธารณะ
บ้านสุขาวดีหลังนี้อยู่ในพื้นที่ ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีอาคารหลักๆ 3 หลัง คือ A, B, C โดยเมืองพัทยาปิดหมายประกาศตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 พบว่าอาคารเหล่านี้บุกรุกที่สาธารณะ และมีการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งอาคารที่มีการก่อสร้างยังไม่ได้เว้นระยะตามแนวร่นจากระดับน้ำทะเลในระยะ 20 เมตร ตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการดำเนินงานใหม่ในรอบที่ 2 หลังออกประกาศคำสั่งในครั้งแรกไปแล้ว แต่ทางบ้านสุขาวดีได้อุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จังหวัดชลบุรี กระทั่งมีการพิจารณาว่าประกาศคำสั่งเมืองพัทยายังไม่ครบองค์ประกอบ และเหตุผลในการรื้อถอนไม่ครบถ้วน จึงให้มีการดำเนินการออกคำสั่งใหม่
สำหรับอาคาร A ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่ก่อสร้างอยู่บนพื้นที่ดินสาธารณะขนาด 11 ไร่ 1 งาน สร้างอาคารเป็นโครงเหล็ก 2 ชั้น จำนวน 1 หลัง และป้ายโฆษณา 2 ป้าย แต่ผู้ถูกฟ้องให้เหตุผลว่าอาคารดังกล่าวตั้งอยู่พื้นที่งอกตามธรรมชาติ แต่เมืองพัทยามั่นใจว่าจากแนวเขตการรังวัดและภาพถ่ายทางอากาศ เป็นการบุกรุกพื้นที่สาธารณะอย่างแน่นอน จึงเป็นข้อพิพาทเพื่อรอผลการตรวจสอบ ต่อมาศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองเป็นการชั่วคราว กระทั่งที่สุดศาลมีคำสั่งยกเลิกการคุ้มครองแล้ว เมืองพัทยาจึงเร่งเข้ามาดำเนินการรื้อถอนตามขั้นตอนของกฎหมาย หลังยืดเยื้อมาถึง 10 ปี
ส่วนอาคาร B และ C ซึ่งบ้านสุขาวดีแจ้งว่าเป็นอาคารที่น้ำท่วมไม่ถึงนั้น เมืองพัทยาได้รังวัดแนวเขตจากระดับน้ำทะเลสูงสุดแล้วพบว่าอาคารอยู่ในแนวที่มีการล่วงล้ำลำน้ำ ซึ่งมีการตัดพื้นที่ของอาคาร C ไปแล้ว ส่วนอาคาร B ยังรอการดำเนินการ เนื่องจากศาลยังให้การคุ้มครองอยู่
สำหรับการรื้อถอนอาคาร A ได้ตั้งงบประมาณเพื่อว่าจ้างผู้รับเหมาเข้ามารื้อถอนอาคารหลังนี้ออกไป เพราะเป็นอาคารขนาดใหญ่และเกินกำลังที่เมืองพัทยาจะดำเนินการเองได้ ส่วนค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนจะมีการเรียกเก็บจากทางบ้านสุขาวดีอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย