ขอนแก่น 4 พ.ค. – มิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าของร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ หลอกเหยื่อได้สิทธิรับมือถือและแท็บเล็ตฟรี แต่ต้องจ่ายค่าประกันเครื่องและค่าส่ง มีเหยื่อหลงเชื่อนับร้อยราย เจ้าของร้านตัวจริงได้รับผลกระทบ เพราะลูกค้าหาย ขายของไม่ได้
นางสาวปวรรัตน์ อายุ 45 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายและรับซ่อมโทรศัพท์มือถือ ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เขตเทศบาลนครขอนแก่น นำหลักฐานบทสนทนาระหว่างมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นตน หลอกผู้เสียหายว่าเป็นผู้โชคดีจากการกิจกรรมของทางร้าน ได้รับสิทธิรับโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตฟรีจากทางร้าน แต่ผู้โชคดีต้องชำระค่าประกันเครื่อง รวมถึงค่าขนส่ง ทำให้มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกว่า 100 ราย มาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว
นางสาวปวรรัตน์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา มีผู้เสียหายหลายรายทักข้อความมาทางเพจเฟซบุ๊กร้าน และบางส่วนโทรศัพท์ตรงมาที่เบอร์ร้าน บอกว่าชำระค่าประกันเครื่องและค่าขนส่งแล้ว ทำไมยังไม่ได้รับสินค้าตามที่ตกลง ทำให้ตนเองตกใจมาก เพราะทางร้านไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อสอบถามผู้เสียหายจึงทราบว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “yew” ใช้รูปโปร์ไฟล์เป็นสาวสวย ทักข้อความมาหา อ้างว่าเป็นผู้โชคดีได้รับโทรศัพท์มือถือราคาหลักหมื่นจากทางร้านฟรี แต่ต้องชำระค่าขนส่งเป็นเงิน 299 บาท แต่ทางผู้เสียหายขอดูบัตรประชาชน มิจฉาชีพรายนี้ก็แสดงบัตรประชาชนชื่อนายณัฐวัฒน์ อ้างว่าเป็นบัตรประชาชนน้องชาย จึงทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและตัดสินใจรับสินค้า
เมื่อผู้เสียหายมีท่าทีคล้อยตาม มิจฉาชีพรายนี้ก็ออกอุบายอีกว่าในการขนส่งสินค้าต้องมีค่าประกันสินค้าอีก รวมเป็นเงิน 900 บาท ผู้เสียหายก็ยินยอมโอนเงิน 900 บาท เข้าบัญชีมิจฉาชีพ จากนั้นผู้เสียหายได้แจ้งชื่อที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์เพื่อจัดส่งสินค้าให้กับมิจฉาชีพ
กระทั่งเวลาล่วงเลยมาหลายวันผู้เสียหายยังไม่ได้รับสินค้า จึงมั่นใจว่าถูกหลอก เมื่อโทรไปสอบถามก็ไม่สามารถติดต่อมิจฉาชีพรายนี้ได้ ทำให้ผู้เสียหายติดต่อเข้ามาที่เพจร้านวันละนับสิบราย ซึ่งถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน บางรายยังถูกหลอกให้ร่วมทำบุญ ตนจึงชี้แจงว่าทางร้านไม่มีนโยบายจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ กรณีซื้อขายทางออนไลน์ ทางร้านจะพูดคุยทางข้อความและทางโทรศัพท์ และก่อนซื้อขายจะมีการวิดีโอคอลเพื่อยืนยันตัวตน เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจก่อนซื้อสินค้าทุกครั้ง
นางสาวปวรรัตน์ กล่าวอีกว่า เมื่อได้ข้อมูลจากผู้เสียหายจึงไปหาข้อมูลในโซเชียล พบว่ามิจฉาชีพรายนี้มีเฟซบุ๊กที่เป็นทั้งผู้ชายและผู้หญิงนับสิบบัญชี แต่สิ่งที่เหมือนกันคือโทรศัพท์มือถือที่มีอยู่ประมาณ 2-3 เบอร์ เลขบัญชีธนาคารอีก 5 บัญชี และพบว่ายังมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกมิจฉาชีพรายนี้หลอก ตนเองจึงโทรไปยังเบอร์มือถือมิจฉาชีพเพื่อสอบถามข้อมูล มิจฉาชีพอ้างชื่อร้าน พิกัดร้าน ทุกอย่างตรงกับชื่อร้านตนเองทุกอย่าง ก่อนจะเฉลยว่าตนเองเป็นเจ้าของร้านตัวจริง มิจฉาชีพรายนี้ยังแถต่อ
นางสาวปวรรัตน์ บอกว่าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ถึง 2 ครั้ง และตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 แต่คดีไม่คืบ และยังมีผู้ตกเป็นเหยื่อรายวัน ซึ่งลูกค้าทางออนไลน์ของทางร้านหาย เพราะไม่มั่นใจในการซื้อขาย จึงอยากให้ตำรวจเร่งจับกุมมิจฉาชีพรายนี้.-สำนักข่าวไทย