27 เม.ย. – ลูกสาวร้องตรวจสอบการตายแม่ คาดเป็นเหยื่อ “แอม ไซยาไนด์” อีกราย ด้าน ผบช.ภ.7 เรียกประชุมเร่งติดตามคดี สั่งชุดสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ แม้ไม่มีร่างผู้เสียชีวิตแล้วก็ตาม พร้อมเปิดศูนย์ร้องเรียนให้ผู้เสียหาย 4 จังหวัด
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เรียกตำรวจในพื้นที่ 4 จังหวัด เพื่อติดตามเร่งลัดคดีที่เกี่ยวข้องกับ “แอม” ก่อเหตุวางยาไซยาไนด์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต เบื้องต้นในพื้นที่ภาค 7 พบมีเหตุเกิดขึ้นใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี สภ.โพธาราม สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี สภ.ลูกแก จ.กาญจนบุรี สภ.เมืองนครปฐม สภ.สามพราน สภ.ดอนตูม จ.นครปฐม รวม 10 คดี เสียชีวิตไปแล้ว 9 คดี รอดชีวิต 1 คดี และล่าสุดพบในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร พฤติการณ์คล้ายกัน
ขณะนี้ได้แบ่งหน้าที่ไปทำงานติดตามคดีที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว ที่อาจจะมีผู้เสียหายมาเพิ่ม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียหาย หากบางรายไม่สะดวกในการเดินทางมาแจ้ง สามารถโทรศัพท์เข้ามาแจ้งรายละเอียดเบื้องต้น ทางศูนย์จะส่งตำรวจไปอำนวยความสะดวกให้ถึงบ้าน ขณะนี้มีข้อมูลย้อนไปตั้งแต่ปี 2563 จนถึง 2566
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวต่อว่า พฤติการณ์ต่างๆ ของแอม ขณะนี้ได้ซักถามทีมสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด ส่วนเรื่องของสมุทรสาคร เป็นคดีที่ 11 หลังประชุม เจ้าหน้าที่จะลงไปพื้นที่เก็บรวบรวมรายละเอียดทั้งหมด และเข้ามารายงานให้ทราบอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ทีมสืบสวนติดตามเรื่องสารไซยาไนด์ “แอม” ได้มาจากไหน ได้มาอย่างไร สั่งซื้อที่ไหน เนื่องจากสารตัวนี้เป็นสารต้องห้าม
ส่วนกรณีที่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ได้มีการชันสูตร และฌาปนกิจไปเรียบร้อยแล้วนั้น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ยืนยันว่าตำรวจหลักฐานพยานอื่นๆ ที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงผู้ก่อเหตุได้ แม้จะไม่มีร่างผู้เสียชีวิตอยู่ก็ตาม
ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิตหลายราย เริ่มมีความคลางแคลงใจและสงสัยในการเสียชีวิตว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับแอม หรือไม่ เช่นรายนี้เป็นลูกสาวผู้เสียชีวิตคนหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน หลังสงสัยการเสียชีวิตของแม่จะเกี่ยวข้องกับแอม
โดยเมื่อวาน ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 บุตรสาวของเจ้น้อย อายุ 39 ปี ผู้เสียชีวิต เดินทางเข้าพบกับตำรวจ พร้อมนำโทรศัพท์มือถือของแม่ 2 เครื่อง มามอบให้ตำรวจ ไว้เป็นหลักฐานตรวจสอบความเกี่ยวโยงการเสียชีวิตของแม่กับแอม
ลูกสาวเจ้น้อยเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังทั้งน้ำตาว่า แม่รู้จักกับแอมผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 แม่โอนเงินไปให้แอม 60,000 บาท ในนั้นเป็นเงินของตัวเอง 20,000 และเงินแม่ 40,000 จึงถามแม่ว่า แม่เอาเงินไปทำอะไร แม่ก็บอกว่าแอมยืม จากนั้นวันที่ 10 สิงหาคม หลังแม่กลับมาจากทำผม แม่ก็เกิดอาการช็อก คนในบ้านจึงเรียกมูลนิธิช่วยนำส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในวันเดียวกัน ช่วงที่อยู่โรงพยาบาล แอมโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องแม่ แต่ตนเป็นคนรับ และบอกว่าแม่ป่วยอยู่โรงพยาบาล แอมทำเสียงตกใจ ถามว่าแม่เป็นอะไร และระหว่างการจัดงานศพ ตนได้โทรไปถามแอมเรื่องเงิน 60,000 ที่ยืมไป ได้รับคำตอบกลับมาว่าเงินนั้นเป็นเงินที่แม่ยืมไป ซึ่งพูดไม่เหมือนกับที่แม่บอก
หลังปรากฏเป็นข่าวแอมถูกจับ เนื่องจากเป็นผู้เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิตหลายราย ส่วนใหญ่เป็นคนรู้จักแอม ทุกรายจะเสียชีวิตคล้ายกัน ตนจึงสงสัยการตายของแม่จะเกี่ยวข้องกับแอมหรือไม่
นอกจากนี้ที่กำแพงเพชร ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ไปที่หมู่ 1 ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พบกับนางลัดดา อายุ 64 ปี แม่ของ น.ส.มณฑาทิพย์ หรือ ทราย ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ก.ค.58 ที่ กรุงเทพมหานคร โดยแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
นางลัดดา แม่ผู้เสียชีวิต เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ลูกสาวกลับจากต่างประเทศแล้วเสียชีวิต หลังเจอแอมได้เพียงวันเดียว คาใจสาเหตุการตายคล้ายกับทุกกรณีที่เป็นข่าวเกี่ยวข้องกับแอม คือ มีน้ำลายฟูมปากและเลือดเป็นกอง ลูกสาวมีความสนิทสนมกับแอม คอยช่วยเหลือแอมในทุกๆ เรื่องโดยเฉพาะเรื่องเงิน แอมพึ่งพาเงินทองกับลูกสาวตลอด ตอนลูกสาวกลับมาไทย แอมก็อาสาไปรับ แอมบอกว่าลูกสาวลงเครื่องตอนเที่ยงคืนแล้วมาส่งตอนตี 1 เขาบอกอย่างนี้ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเขากินอะไรมาบ้าง อีกวันตำรวจโทรมาบอกว่าลูกสาวตายแล้ว จนถึงวันนี้ยังค้างคาใจต่อสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสาวมาตลอดระยะเวลา 7 ปี จนกระทั่งมาทราบข่าวว่าแอมถูกดำเนินคดี ยอมรับรู้สึกโล่งใจ และเสียใจว่าทำไมต้องมาทำกันขนาดนี้ . – สำนักข่าวไทย