ลพบุรี 7 เม.ย. – จับได้แล้วสามีโหดแทงภรรยา 21 แผล เสียชีวิตคาที่นอน คุมตัวส่งตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดลพบุรีไปดำเนินคดี
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 เม.ย.) หลัง สภ.บ้านกุ่ม อ.เมือง ลพบุรี ได้รับแจ้งเกิดเหตุแทงกันตายในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 4 ต.งิ้วราย อ.เมืองลพบุรี จึงประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลอนันทมหิดล ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางไปยังจุดที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น พบร่างนางสาวยุวดี อายุ 30 ปี ถูกอาวุธมีดแทงนับได้ 21 แผล เสียชีวิตคาที่นอน ที่หน้าบันไดบ้านพบมีดปลายแหลมยาวประมาณ 10-12 นิ้ว ตกอยู่ 1 อัน สภาพบิดงอ และมีเลือดแห้งกรังติดอยู่
จากการสอบถามน้องสาวผู้ตาย เล่าด้วยน้ำตาและยังอยู่ในอาการตกใจว่า ช่วงเวลา 8 โมง ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงพี่สาวร้องกรี๊ดลั่นหลายครั้งและเงียบเสียงไป ตนอยู่ในห้องน้ำจึงวิ่งออกมาดู พบนายอนุพงษ์ อายุ 30 ปี สามีของพี่สาว วิ่งหนีลงบันไดบ้านด้วยอาการรีบร้อน ก่อนขับรถกระบะสีแดงหลบหนีไป ตนจึงเข้าไปดูในห้องต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบพี่สาวร้องขอความช่วยเหลือดิ้นทุรนทุรายขาดใจตายต่อหน้าต่อตาตนเอง จึงโทรศัพท์บอกแม่ให้ทราบ และโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้านแม่ของผู้ตายยังช็อกกับเหตุการณ์ เล่าว่า ลูกเขยทำงานอยู่โรงปูนที่สระบุรี อยู่กินกับลูกสาวมานานกว่า 3 ปี ไม่มีลูก เมื่อครั้งแต่งงานรักกันมาก เพราะเขารักกันมาตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมฯ จนลูกสาวสอบบรรจุเป็นครู ลูกเขยก็ทำงานเป็นหลักเป็นฐาน จึงแต่งงานกัน ระยะหลังทั้งคู่มักมีปากเสียงกันบ่อย เนื่องจากลูกเขยหึงหวง เมื่อเจอหน้ากันก็จะขอดูโทรศัพท์มือถือ และโทรเช็กแทบทั้งวัน จนเกิดการบาดหมาง มีเรื่องทะเลาะกันบ่อยขึ้น ตนเองและญาติของลูกเขยได้บอกว่าให้ระวังคำพูด ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องร้ายขึ้น
จับได้แล้วสามีโหดแทงภรรยา 21 แผลดับ
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างใหญ่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากเจ้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดลพบุรี ให้ติดตามรถยนต์กระบะเชฟโรเลตสีแดง ซึ่งเป็นรถของนายอนุพงษ์ ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้มีดแทงภรรยาตนเอง 21 แผล จนเสียชีวิต แล้วหลบหนีมาบ้านญาติในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่าศูนย์วิทยุสมาคมอยุธยารวมใจหน่วยกู้ภัยอยุธยา ได้รับแจ้งมีรถยนต์กระบะตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณใกล้เคียงกับวัดโพธิ์แตงใต้ พื้นที่หมู่ 3 ต.โพธิ์แตง อ.บางไทร เป็นรถของนายอนุพงษ์ ผู้ต้องหา ลอยอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ไม่พบผู้ขับขี่ภายในรถ จึงออกติดตามค้นหาจนพบว่ามีชาวบ้านพายเรือช่วยเหลือเอาไว้ และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ จากนั้นตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดลพบุรีควบคุมตัวไปที่ จ.ลพบุรี ทันที
ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ช้างใหญ่ จ.พระนครศรีอยุธยา ประสานตำรวจ สภ.บ้านกุ่ม จ.ลพบุรี นำตัวกลับไปดำเนินคดี ส่วนรถยนต์ สภ.ช้างใหญ่ ได้ให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯ ประสานรถยกเพื่อกู้ตัวรถขึ้นจากน้ำ ตรวจสอบกระเป๋าสะพายของผู้ก่อเหตุ ด้านในมีกระเป๋าสตางค์ พบรูปคู่ของผู้ก่อเหตุและผู้ตายถ่ายคู่กัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐานส่งให้ตำรวจ สภ.บ้านกุ่ม
นายสมพงษ์ ปู่ของผู้ต้องหา เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนเองกำลังนั่งตกปลาอยู่ ได้ยินเสียงเหมือนรถเร่งเครื่องดังลั่น ก่อนรถจะพุ่งตกลงไปในแม่น้ำ ตนเองจึงหันไปดูเห็นว่าเป็นรถสีแดง จำได้ว่าเป็นรถของหลานชายที่คิดว่าประสบอุบัติเหตุ จึงนำเรือออกไปช่วยเหลือหลานชายที่กำลังจะจมน้ำขึ้นเรือมาได้ จึงได้สอบถามหลานได้แต่ร้องให้แล้ว บอกว่าอยากจะฆ่าตัวตายตามภรรยา เนื่องจากไปก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงภรรยาจนตาย หลานชายกับภรรยาอยู่กินกันมาประมาณ 3-4 ปีแล้ว ทั้งคู่รักกันมาก นานๆ จะมาหาปู่สักครั้ง ระยะหลังทราบว่ามักมีปัญหากับภรรยา เนื่องจากนายอนุพงษ์จับได้ว่าภรรยาจะปันใจให้คนอื่น จนเกิดความระแวง หึงหวง และมักมาระบายให้ปู่ย่าฟัง แต่ไม่คิคว่าหลานชายจะลงมือทำได้ เพราะปกติหลานชายจะเป็นคนจิตใจดี แต่เมื่อทำไปแล้วก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย
เมื่อช่วง 15.00 น.ที่ผ่านมา ตำรวจไนำตัวนายอนุพงษ์มาถึง สภ.บ้านกุ่ม โดยมีญาติทั้งสองฝ่ายให้ปากคำกับตำรวจ ส่วนแม่ของนายอนุพงษ์ ตะโกนคุยกับลูกในห้องขังว่าให้ทำใจ รับสารภาพผิด เพราะความใจร้อนของลูกถึงเป็นเช่นนี้ แม่เตือนแล้วว่าหากไม่รักกันก็ให้เลิกลากันด้วยดี ลูกชายเป็นคนดี รักครอบครัว แต่คงเป็นเพราะความระแวงหึงหวงจนขาดสติ
เช่นเดียวกับพ่อของนายอนุพงษ์ เล่าว่า ลูกชายเป็นคนอารณ์ร้อน ชอบคบเพื่อน รักภรรยามาก หึงหวงมาก เพราะลูกสะใภ้หน้าตาสวย เห็นลูกบ่นว่าวันนี้ต้องเกิดเรื่องใหญ่ ก็ได้แต่ตักเตือนให้ระงับอารมณ์ อย่าวู่วาม ไม่คิดว่าคำพูดของลูกจะเป็นจริง ยอมรับทำเกินกว่าเหตุ ก่อนที่ตำรวจจะนำตัวนายอนุพงษ์มาเพื่อสอบปากคำ.-สำนักข่าวไทย