27 มี.ค. – หมอกควันฝุ่นพิษเชียงราย ยังพุ่งไม่หยุด ค่า PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานต่อเนื่อง อำเภอแม่สาย ทะลุ 500 มคก./ลบ.ม. ส่วนที่ลำปาง ชาวบ้านโอดเผาป่าหนัก กลิ่นควันไฟคลุ้งทั่วเมือง
สถานการณ์หมอกควันในจังหวัดเชียงราย ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคุณภาพอากาศค่า PM 2.5 และ PM 10 ยังคงพุ่งสูงเกินค่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดไฟไหม้ป่าในหลายพื้นที่ และจากการตรวจวัดคุณภาพอากาศทั้งในตัวเมืองเชียงราย และอำเภอแม่สาย คุณภาพอากาศสูงเกินค่ามาตรฐานที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
โดยเมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) หมอกควันที่ลอยปกคลุมในแม่น้ำโขง บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายหนาทึบ ส่งผลต่อการเดินเรือนำนักท่องเที่ยวล่องเรือชมทัศนียภาพสองฝั่งโขง ขณะที่ทางกรุ๊ปทัวร์ได้แจ้งยกเลิกการเดินทางหลายราย ทั้งนี้ปริมาณหมอกควันที่อำเภอเชียงแสนในช่วง 2-3 วันนี้ ที่มีปริมาณมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะการจุดไฟเผาป่าในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านทำให้เกิดหมอกควัน ลอยหนาทึบ บางจุดพบว่ายังมีไฟป่าเกิดขึ้น เพราะอำเภอเชียงแสน อยู่ติดชายแดน 2 ประเทศ โดยมีเพียงแม่น้ำโขงกั้นเท่านั้น ทำให้ควันไฟลอยเข้ามาปกคลุมอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สั่งระดมเจ้าหน้าที่นำรถดับเพลิงออกฉีดพ่นละอองน้ำ ตั้งแต่หน้าด่านพรมแดนแม่สายไปจนถึงหน้าที่ว่าการอำเภอแม่สาย เพื่อบรรเทากลุ่มหมอกควันพร้อมรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันฉีดพ่นละอองน้ำในทุกครัวเรือนและชุมชน
ทั้งนี้ เว็บไซต์ Air4Thai รายงาน สถานการณ์ฝุ่นช่วงเวลา 03.00 น. (27 มี.ค.) ที่ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย วัดค่า PM 2.5 วัดได้ 536 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนค่า PM 10 วัดได้ 633 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนเมื่อช่วงเวลา 04.00 น. วัดค่า PM 2.5 วัดได้ 538 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนค่า PM 10 วัดได้ 634 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร 648 AQI ซึ่งค่า PM 2.5 สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทยในขณะนี้
ขณะที่ เพจ Facebook “ฮักแม่สาย” ได้โพสต์เชิญชวนประชาชน รวมพลังเรียกร้องในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งแก้ปัญหาฝุ่นในพื้นที่ โดยจะรวมตัวกันในวันนี้ (27 มี.ค.) เวลา 14.00 น. ที่ลานหน้าอำเภอแม่สาย พร้อมกับติดแฮชแท็กว่า #รวมพลังคนแม่สายเรียกร้อง ให้ทางการช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤติหมอกควัน แม่สายบ้านเรา
ส่วนที่ลำปาง เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) สถานการณ์ไฟไหม้ป่าและหมอกควันไฟป่า จังหวัดลำปาง กลับมาวิกฤติอีกครั้ง หลังจากเริ่มมีการเผาป่าในหลายพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่เหยี่ยวไฟ ของกรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่อุทยาน และจิตอาสา ต้องเดินทางเข้าดับไฟป่าตามจุดต่างๆ ที่ได้รับแจ้งว่าเกิดจุดความร้อนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเขตอำเภอเมือง อำเภอห้างฉัตร อำเภอแจ้ห่ม พบป่าได้รับความเสียหายส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ ส่วนสาเหตุของการเกิดไฟป่านั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด
ส่งผลให้บริเวณถนนหลวงสายลำปาง-เชียงใหม่ มีหมอกควันไฟปกคลุมหนาแน่นไปทั่วบริเวณ และบางจุด เช่น ถนนหน้าที่ว่าการอำเภอห้างฉัตรจังหวัดลำปาง ตำบลเวียงตาล พบว่ามีหมอกควันปกคลุมหนาจนเป็นสีขาวเต็มถนน เมื่อเปิดกระจกรถจะเหม็นกลิ่นควันไฟคละคลุ้งไปหมด
ส่วนที่จังหวัดน่าน ปัญหาหมอกควันทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นด้วยตาเปล่าลดลง จนสามารถมองเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่าระยะ 1 กิโลเมตรขณะที่ ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศเมืองน่าน โดยเว็บไซต์ iqair.com ระบุเมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) ว่า พื้นที่จังหวัดน่าน มีค่ามลพิษสูงถึง 348 และค่า PM 2.5 อยู่ที่ 261 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ทั้งนี้สาเหตุหลัก มาจากไฟป่า การลักลอบเผาป่า เพื่อเตรียมพื้นที่การเกษตร และหาของป่า โดยเฉพาะพื้นที่ตามอำเภอรอบนอก พบมีไฟไหม้ป่ากระจายเป็นจุดๆ ในหลายอำเภอ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าลาดเชิงเขาและตามสันเขา ที่มีราษฎรเข้าถือครองทำกิน สถานการณ์การเผาที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดควันไฟจำนวนมากลอยปกคลุมเหนือพื้นที่ป่า รวมทั้งในเขตตัวเมืองน่านมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ทำให้มลพิษจากควันไฟปกคลุมสะสมหนาแน่น
ข้อมูลจุดความร้อนสะสม ซึ่งมีมาตรการประกาศห้ามเผา ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. – 25 มี.ค. 66 พื้นที่จังหวัดน่านมีจุดความร้อนสะสม 3,160 จุด ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 2,375 จุด สูงสุดในอำเภอเวียงสา จุดความร้อนสะสม จำนวน 1,179 จุด รองลงมา ที่อำเภอนาน้อย จุดความร้อนสะสม จำนวน 833 จุด และอำเภอแม่จริม จุดความร้อนสะสม จำนวน 587 จุด .-สำนักข่าวไทย