13 มี.ค. – ภาวนาอย่างเดียว! ผู้โดยสารเครื่องบินแอร์เอเชีย จากดอนเมืองมาท่าอากาศยานน่านนคร เล่านาทีระทึกขณะเครื่องโดนพายุลูกเห็บกระหน่ำ ตกหลุมอากาศ จนเครื่องไม่สามารถลงจอดได้ ต้องบินวนไปจอดสนามบินเชียงใหม่ ส่วนชาวเชียงใหม่สูดหายใจได้คล่องขึ้น หลังพายุฝนช่วยล้างฝุ่นพิษ ค่าฝุ่นลดลง แต่ยังกระทบสุขภาพ
พายุฝนลูกเห็บที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อวาน สร้างความตื่นตกใจให้กับผู้โดยสารสายการบิน แอร์เอเชีย ไฟลท์ FD-9122 ที่บินจากท่าอากาศยานดอนเมือง มาท่าอากาศยานน่านนคร ในเวลา 17.25 น. เมื่อเข้าเขตจังหวัดน่าน เครื่องบินเจอกับพายุฤดูร้อน และลูกเห็บกระหน่ำ ทำให้เครื่องบินตกหลุมอากาศหลายครั้ง
หนึ่งในผู้โดยสารเล่านาทีระทึกว่า ระหว่างเครื่องบินฝ่าพายุลูกเห็บ ผู้โดยสารกว่า 200 ชีวิต ตกใจจนหลายคนร้องไห้ พายุหนักมาก จนกัปตันต้องประกาศว่าไม่สามารถนำเครื่องบินลงได้ ต้องไปลงที่สนามบินเชียงใหม่ รอให้พายุผ่านไป โดยนำเครื่องบินวนอยู่เหนือจังหวัดน่านท่ามกลางพายุลูกเห็บที่ตกใส่ไม่ยั้ง และเมื่อเครื่องบินตกหลุมอากาศ เครื่องสั่นไปทั้งลำ
ผู้โดยสารกว่า 200 ชีวิตตกค้างอยู่ที่สนามบินเชียงใหม่ และอีกกว่า 200 ชีวิต รอโดยสารเที่ยวบินดังกล่าวในเที่ยวบิน FD-9123 ปลายทางดอนเมือง ก็ตกค้างอยู่ที่สนามบินน่านนคร กระทั่งพายุฝนลดระดับลง กัปตันจึงนำเครื่องบินบินกลับมาถึงสนามบินน่านนคร เวลาประมาณ 21.30 น. ด้วยความปลอดภัย ผู้โดยสารพากันปรบมือ ขอบคุณกัปตันที่ตัดสินใจนำเครื่องไปจอดสนามบินเชียงใหม่ และพาผู้โดยสารกลับอย่างปลอดภัย
พายุฝนช่วยล้างฝุ่นพิษที่ปกคลุมเชียงใหม่มานานนับเดือน
ส่วนที่เชียงใหม่ เช้านี้ชาวเชียงใหม่หายใจได้เต็มปอดมากขึ้น หลังฝนที่โปรยปรายลงมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้ ทำให้หมอกควันและฝุ่นพิษที่ปกคลุมตัวเมืองเชียงใหม่ลดลง แต่ก็ยังเกินค่ามาตรฐานกระทบต่อสุขภาพ
กรมควบคุมมลพิษ รายงานค่าฝุ่น (AQI) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ช่วง 08.00 น. วันนี้ยังอยู่ที่ 86-149 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐานและกระทบต่อสุขภาพ และค่าฝุ่นรายชั่วโมง จากการวัดของศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วัดได้สูงสุด อยู่ที่ ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม ยังสูงถึง 190 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงกว่ามาตรฐานกว่า 2 เท่าตัว แต่ถือว่าลดลงกว่าช่วงก่อนฝนตกที่บางวันค่าฝุ่นพิษรายชั่วโมงสูงถึง 500-700 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และจากการจัดอันดับเมืองมลพิษโลก เช้านี้ยังอยู่อันดับ 6 ของโลก หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาขึ้นอันดับ 1 ติดต่อกันหลายวัน และจากรายงานดาวเทียมยังไม่พบจุดความร้อนจากการเผาในพื้นที่
อุตุฯ เตือนภาคเหนือยังต้องระวังพายุฤดูร้อน 13-14 มี.ค.
กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 8 ระบุ ระหว่างวันที่ 13 – 14 มีนาคม 2566 ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย พื้นที่ได้รับผลกระทบ คือภาคเหนือ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย จ.เลย และหนองคาย . – สำนักข่าวไทย