ครอบครัวเศร้า ตั้งศพสวดคืนแรกเด็กชาย 9 ขวบ ถูกปาดคอดับ

สระบุรี 6 มี.ค. – วันนี้ครอบครัวรับร่างเด็กชาย 9 ขวบ ถูกปาดคอเสียชีวิตในบ้านพัก อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี มาประกอบพิธีรดน้ำศพ ท่ามกลางความโศกเศร้า ขณะแม่ที่ถูกปาดคออาการยังโคม่า ญาติเชื่อแม่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุเอง เพราะป่วยหลายโรครุมเร้า รวมถึงโรคซึมเศร้า


กรณีเหตุสลดสองแม่ลูกชาว อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ถูกปาดคออาการสาหัส โดยลูกชายคือ น้องเจษ อายุ 9 ขวบ ถูกมีดปาดคอนอนหายใจรวยรินหน้าประตูบ้านพัก ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ส่วนแม่คือ นางอารียา อายุ 40 ปี ถูกมีดปาดคอนอนหายใจรวยรินอยู่กลางถนนหน้าบ้านพัก โดยใกล้ๆ กันพบมีดทำครัวความยาวประมาณ 6 นิ้ว ตกอยู่ริมถนน ญาติเร่งนำตัวทั้งสองส่งยังโรงพยาบาลพระพุทธบาท แต่เด็กชาย 9 ขวบ เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ส่วนแม่อาการสาหัส เจ้าหน้าที่นำส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลลพบุรี ขณะนี้อาการยังโคม่า

ล่าสุดวันนี้ครอบครัว ประกอบด้วย นายบอย ผู้เป็นพ่อ และนางลัดดา ย่า และญาติๆ รับร่างน้องเจษ จากโรงพยาบาลศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต มาที่ศาลาธรรมสังเวช วัดสายตรี ต.ธารเกษม อ.พระพุทธบาท เพื่อรดน้ำศพ สวดอภิธรรมและบำเพ็ญกุศลศพ โดยนายบอยที่อยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจอย่างหนัก ร้องไห้จนไม่มีแรงเป็นลมล้มพับ ญาติต้องช่วยกันอุ้มลงจากรถและประคองเข้าไปนั่งปฐมพยาบาลในศาลา ท่ามกลางเสียงร้องไห้ระงมของญาติๆ


คุณย่าของน้องเจษ ซึ่งร้องไห้กอดภาพถ่ายของน้องเอาไว้แนบอก ซึ่งภาพนี้ถ่ายเอาไว้ตั้งแต่น้องยังมีชีวิตอยู่ น้องเจษสวมชุดกีฬายิ้มให้กล้องด้วยความสดใส ส่วนคุณยายน้องเจษ และญาติๆ ต่างร้องไห้ปานจะขาดใจ ไม่อยากเชื่อหลานชายที่ยังเล็กจะจากไปไวขนาดนี้ บรรยากาศที่ศาลาธรรมสังเวช วัดสายตรี วันนี้สุดหดหู่

ช่วงที่ญาติเตรียมนำร่างของน้องเจษเข้าบรรจุในโลงศพ เพื่อประกอบพิธีสวดพระอภิธรรม ญาติต้องพยุงนายบอยเข้ามาบอกลาลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย

วันนี้นอกจากครอบครัว ญาติ และเพื่อนบ้านแล้ว ยังมีคณะครูโรงเรียนตรีโสภณ ซึ่งน้องเจษกำลังเรียนอยู่ มาร่วมรดน้ำศพด้วย บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า


นายสัมฤทธิ์ ญาติน้องเจษ เปิดเผยว่า นายบอย พ่อของน้องเจษ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุภรรยาบอกรหัสบัตรเอทีเอ็ม บอกที่ซ่อนกุญแจตู้และทองคำที่เก็บเอาไว้ว่าอยู่ตรงไหน ในช่วงกลางคืนภรรยายังเข้าไปในห้องนอน ก่อนหอมแก้มตนเองและลูก ตนเองรู้สึกสงสัยแต่ไม่ได้ถาม เหมือนเป็นลางสังหรณ์ และยังเห็นภรรยาแอบเขียนอะไรบางอย่างด้วย ตอนนี้พยายามค้นหาแล้วแต่ยังไม่พบ ส่วนเงินในบัญชีหมดไปแล้ว เนื่องจากเอาไปซ่อมรถ เหลือแต่ทองคำหนัก 2 บาท

นายลำดวน ปู่ของน้องเจษ เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจมากที่น้องเจษจากไป เพราะตนเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ เช้า-เย็นต้องไปรับ-ส่งที่โรงเรียนทุกวัน จึงมีความผูกพันกันมาก น้องเจษเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ดื้อตามประสาเด็ก ตนคิดถึงหลานชายมาก ส่วนเรื่องกำหนดการเผาศพน้องเจษ ตอนนี้ญาติๆ ต้องปรึกษากันก่อน ทั้งนี้ ทุกคนเห็นตรงกันว่าจะรอแม่น้องเจษ มาตั้งสวดคู่กัน เพราะหมอแจ้งว่าอาการโคม่า

ด้านนางจันทร์ ยายของงน้องเจษ ซึ่งเป็นแม่ของนางอารียา เปิดเผยว่า ตอนนี้อาการของลูกสาวยังทรงตัว หมอแจ้งว่ามีความหวังรอดชีวิตเพียง 5 เปอร์ซ็นต์ จึงตัดสินใจไม่ยื้อชีวิต พร้อมเผยเมื่อเดือนที่แล้ว ลูกสาวพูดกับตนเองว่า แม่ถ้าหนูไม่อยู่ หนูไม่เอาลูกให้ใครเลี้ยงนะ หนูจะเอาลูกหนูไปทุกที่ ตอนนั้นคิดว่าลูกจะไปทำบุญ ไหว้พระ ไม่คิดว่าจะไปในทางนี้ ปกติลูกสาวก็ทำงานและชอบเล่น TikTok รักสวยรักงาม ขยัน อะไรที่เป็นเงินก็ทำหมด ไม่เคยด่าสามีและลูก โดยลูกสาวเริ่มมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังไปทำงานอยู่ ในลักษณะทำ 3-4 วันก็หยุด หัวหน้างานไม่ได้ว่าอะไร จึงคิดว่าลูกสาวน่าจะเกิดอาการท้อ อยากบอกลูกว่าไม่ต้องห่วงอะไร ถ้าหากไม่อยู่แล้วก็ดูลูกให้ดีๆ ส่วนตัวแล้วไม่ติดใจการเสียชีวิตของลูก ไม่เชื่อว่าลูกเขยเป็นคนทำ เพราะเขาเป็นคนดี ตนเองคิดว่าลูกสาวตนเป็นคนทำเอง ถ้าทางโรงพยาบาลโทรมาให้ไปรับลูกก็จะไปรับมาตั้งบำเพ็ญกุศลด้วยกันกับน้องเจษ

ตำรวจคาดแม่ปาดคอตัวเองก่อนปาดคอลูก
ด้านคดีความ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี เปิดเผยว่า จากหลักฐานในที่เกิดเหตุให้น้ำหนักผู้ก่อเหตุเป็นคนในครอบครัว ซึ่งผู้เป็นแม่เคยบ่นกับสามีว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ เพราะมีโรคประจำตัว แขนขาอ่อนแรง อาจเป็นไปได้ว่าแม่อาจใช้มีดปาดคอตัวเองก่อน และปาดคอลูกชายวัย 9 ขวบ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ตัดประเด็นใดๆ ทิ้ง ต้องรอผลการชันสูตร ผล DNA ที่ตรวจจากรอยนิ้วมือที่มีด และผลทางนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจลายนิ้วมือที่มีดที่ใช้ก่อเหตุ ขณะนี้ตำรวจสอบสวนคนในครอบครัว ทั้งสามี พ่อสามี เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ส่วนผลตรวจร่างกายนายบอย สามี เบื้องต้นไม่พบบาดแผลตามร่างกาย

แพทย์จิตเวชระบุผู้ป่วยซึมเศร้าก็ทำร้ายคนใกล้ชิดได้
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช กรมสุขภาพจิต เปิดเผยกับทีมข่าวสำนักข่าวไทยว่า ปกติผู้ป่วยโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่มักก่อเหตุทำร้ายหรือทำอัตวิบากกรรมตนเอง เพราะผู้ป่วยโรคนี้จะไม่มีความยับยั้งชั่งใจ และไม่มีความสุขที่จะมีชีวิตอยู่ แต่ในขณะเดียวกันผู้ป่วยโรคซึมเศร้าสามารถก่อเหตุทำร้ายบุคคลอื่นได้ด้วย โดยเฉพาะกับคนที่รักและเป็นห่วงมากที่สุด เช่น ลูก พ่อแม่ ภรรยา สามี เป็นต้น

เมื่อผู้ป่วยรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง ไม่อยากมีชีวิต จะมักโทษตัวเองว่าเป็นคนไร้ค่า ทำให้คนที่รักลำบาก จึงคิดสั้น ไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ขณะเดียวกันยังเป็นห่วงคนที่ตนเองรัก หากตายไปคนที่ตนเองรักจะอยู่อย่างไร และยิ่งหากคนในครอบครัวที่รักมากๆ เป็นผู้ป่วย เป็นผู้พิการ หรือเป็นลูกที่ยังเล็ก หากขาดตนเองก็กลัวว่าเขาเหล่านั้นจะมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ เพราะไม่มีคนดูแล หรือขาดคนเลี้ยงดู เป็นต้น จึงต้องเอาไปด้วย หรือตายไปพร้อมกัน เพื่อจบปัญหา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

กกต.สั่งเอาผิดอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ

กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายเลือกตั้งไม่ตรงความเป็นจริง โทษหนักทั้งจำคุก-ตัดสิทธิ 5 ปี

ข่าวแนะนำ

สีสันคริสต์มาสอีฟ ย่านราชประสงค์

บรรยากาศเทศกาลคริสต์มาสอีฟ ย่านราชประสงค์ ท่ามกลางอากาศสบายๆ ยามเย็น อบอวลด้วยรอยยิ้มและความสุข ททท. มั่นใจตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2567 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2568 จะมีนักท่องเที่ยวร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ทั่วไทย มากกว่า 1.5 ล้านคน สร้างเม็ดเงินกว่า 62,000 ล้านบาท

นายกฯ​ ขอบคุณสื่อร่วมทำงาน บอกเป็นคนตรงๆ ไม่ค่อยคิดร้าย

นายกฯ​ ขอบคุณสื่อร่วมทำงาน บอกอายุน้อยที่สุดต้องสร้างความสดใสทุกวงการ​ ขอให้เข้าใจคาแรคเตอร์ส่วนตัวเป็นคนตรง-โผงผาง​ ไม่ค่อยคิดร้ายกับใคร

เลขาฯ กฤษฎีกา ยันยังไม่มีข้อสรุปปม “กิตติรัตน์”

“เลขาฯ กฤษฎีกา” ยันยังไม่ปัดตก “กิตติรัตน์” นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เผยเตรียมประชุมคณะกรรมการร่วม สอบคุณสมบัติพรุ่งนี้

“กิตติรัตน์” เคารพการพิจารณา หลังไม่ผ่านคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ

“กิตติรัตน์” โพสต์ข้อความ หลังไม่ผ่านคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ลั่นไม่มีอะไรค้างคาใจ-ไม่เคยขลาดกลัวหนีหายเอาตัวรอด ระบุได้อาสาทำงานให้ประเทศแล้ว ยันเคารพการพิจารณา