ครอบครัวเศร้า ตั้งศพสวดคืนแรกเด็กชาย 9 ขวบ ถูกปาดคอดับ

สระบุรี 6 มี.ค. – วันนี้ครอบครัวรับร่างเด็กชาย 9 ขวบ ถูกปาดคอเสียชีวิตในบ้านพัก อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี มาประกอบพิธีรดน้ำศพ ท่ามกลางความโศกเศร้า ขณะแม่ที่ถูกปาดคออาการยังโคม่า ญาติเชื่อแม่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุเอง เพราะป่วยหลายโรครุมเร้า รวมถึงโรคซึมเศร้า


กรณีเหตุสลดสองแม่ลูกชาว อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ถูกปาดคออาการสาหัส โดยลูกชายคือ น้องเจษ อายุ 9 ขวบ ถูกมีดปาดคอนอนหายใจรวยรินหน้าประตูบ้านพัก ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ส่วนแม่คือ นางอารียา อายุ 40 ปี ถูกมีดปาดคอนอนหายใจรวยรินอยู่กลางถนนหน้าบ้านพัก โดยใกล้ๆ กันพบมีดทำครัวความยาวประมาณ 6 นิ้ว ตกอยู่ริมถนน ญาติเร่งนำตัวทั้งสองส่งยังโรงพยาบาลพระพุทธบาท แต่เด็กชาย 9 ขวบ เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ส่วนแม่อาการสาหัส เจ้าหน้าที่นำส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลลพบุรี ขณะนี้อาการยังโคม่า

ล่าสุดวันนี้ครอบครัว ประกอบด้วย นายบอย ผู้เป็นพ่อ และนางลัดดา ย่า และญาติๆ รับร่างน้องเจษ จากโรงพยาบาลศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต มาที่ศาลาธรรมสังเวช วัดสายตรี ต.ธารเกษม อ.พระพุทธบาท เพื่อรดน้ำศพ สวดอภิธรรมและบำเพ็ญกุศลศพ โดยนายบอยที่อยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจอย่างหนัก ร้องไห้จนไม่มีแรงเป็นลมล้มพับ ญาติต้องช่วยกันอุ้มลงจากรถและประคองเข้าไปนั่งปฐมพยาบาลในศาลา ท่ามกลางเสียงร้องไห้ระงมของญาติๆ


คุณย่าของน้องเจษ ซึ่งร้องไห้กอดภาพถ่ายของน้องเอาไว้แนบอก ซึ่งภาพนี้ถ่ายเอาไว้ตั้งแต่น้องยังมีชีวิตอยู่ น้องเจษสวมชุดกีฬายิ้มให้กล้องด้วยความสดใส ส่วนคุณยายน้องเจษ และญาติๆ ต่างร้องไห้ปานจะขาดใจ ไม่อยากเชื่อหลานชายที่ยังเล็กจะจากไปไวขนาดนี้ บรรยากาศที่ศาลาธรรมสังเวช วัดสายตรี วันนี้สุดหดหู่

ช่วงที่ญาติเตรียมนำร่างของน้องเจษเข้าบรรจุในโลงศพ เพื่อประกอบพิธีสวดพระอภิธรรม ญาติต้องพยุงนายบอยเข้ามาบอกลาลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย

วันนี้นอกจากครอบครัว ญาติ และเพื่อนบ้านแล้ว ยังมีคณะครูโรงเรียนตรีโสภณ ซึ่งน้องเจษกำลังเรียนอยู่ มาร่วมรดน้ำศพด้วย บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า


นายสัมฤทธิ์ ญาติน้องเจษ เปิดเผยว่า นายบอย พ่อของน้องเจษ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุภรรยาบอกรหัสบัตรเอทีเอ็ม บอกที่ซ่อนกุญแจตู้และทองคำที่เก็บเอาไว้ว่าอยู่ตรงไหน ในช่วงกลางคืนภรรยายังเข้าไปในห้องนอน ก่อนหอมแก้มตนเองและลูก ตนเองรู้สึกสงสัยแต่ไม่ได้ถาม เหมือนเป็นลางสังหรณ์ และยังเห็นภรรยาแอบเขียนอะไรบางอย่างด้วย ตอนนี้พยายามค้นหาแล้วแต่ยังไม่พบ ส่วนเงินในบัญชีหมดไปแล้ว เนื่องจากเอาไปซ่อมรถ เหลือแต่ทองคำหนัก 2 บาท

นายลำดวน ปู่ของน้องเจษ เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจมากที่น้องเจษจากไป เพราะตนเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ เช้า-เย็นต้องไปรับ-ส่งที่โรงเรียนทุกวัน จึงมีความผูกพันกันมาก น้องเจษเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ดื้อตามประสาเด็ก ตนคิดถึงหลานชายมาก ส่วนเรื่องกำหนดการเผาศพน้องเจษ ตอนนี้ญาติๆ ต้องปรึกษากันก่อน ทั้งนี้ ทุกคนเห็นตรงกันว่าจะรอแม่น้องเจษ มาตั้งสวดคู่กัน เพราะหมอแจ้งว่าอาการโคม่า

ด้านนางจันทร์ ยายของงน้องเจษ ซึ่งเป็นแม่ของนางอารียา เปิดเผยว่า ตอนนี้อาการของลูกสาวยังทรงตัว หมอแจ้งว่ามีความหวังรอดชีวิตเพียง 5 เปอร์ซ็นต์ จึงตัดสินใจไม่ยื้อชีวิต พร้อมเผยเมื่อเดือนที่แล้ว ลูกสาวพูดกับตนเองว่า แม่ถ้าหนูไม่อยู่ หนูไม่เอาลูกให้ใครเลี้ยงนะ หนูจะเอาลูกหนูไปทุกที่ ตอนนั้นคิดว่าลูกจะไปทำบุญ ไหว้พระ ไม่คิดว่าจะไปในทางนี้ ปกติลูกสาวก็ทำงานและชอบเล่น TikTok รักสวยรักงาม ขยัน อะไรที่เป็นเงินก็ทำหมด ไม่เคยด่าสามีและลูก โดยลูกสาวเริ่มมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังไปทำงานอยู่ ในลักษณะทำ 3-4 วันก็หยุด หัวหน้างานไม่ได้ว่าอะไร จึงคิดว่าลูกสาวน่าจะเกิดอาการท้อ อยากบอกลูกว่าไม่ต้องห่วงอะไร ถ้าหากไม่อยู่แล้วก็ดูลูกให้ดีๆ ส่วนตัวแล้วไม่ติดใจการเสียชีวิตของลูก ไม่เชื่อว่าลูกเขยเป็นคนทำ เพราะเขาเป็นคนดี ตนเองคิดว่าลูกสาวตนเป็นคนทำเอง ถ้าทางโรงพยาบาลโทรมาให้ไปรับลูกก็จะไปรับมาตั้งบำเพ็ญกุศลด้วยกันกับน้องเจษ

ตำรวจคาดแม่ปาดคอตัวเองก่อนปาดคอลูก
ด้านคดีความ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี เปิดเผยว่า จากหลักฐานในที่เกิดเหตุให้น้ำหนักผู้ก่อเหตุเป็นคนในครอบครัว ซึ่งผู้เป็นแม่เคยบ่นกับสามีว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ เพราะมีโรคประจำตัว แขนขาอ่อนแรง อาจเป็นไปได้ว่าแม่อาจใช้มีดปาดคอตัวเองก่อน และปาดคอลูกชายวัย 9 ขวบ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ตัดประเด็นใดๆ ทิ้ง ต้องรอผลการชันสูตร ผล DNA ที่ตรวจจากรอยนิ้วมือที่มีด และผลทางนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจลายนิ้วมือที่มีดที่ใช้ก่อเหตุ ขณะนี้ตำรวจสอบสวนคนในครอบครัว ทั้งสามี พ่อสามี เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ส่วนผลตรวจร่างกายนายบอย สามี เบื้องต้นไม่พบบาดแผลตามร่างกาย

แพทย์จิตเวชระบุผู้ป่วยซึมเศร้าก็ทำร้ายคนใกล้ชิดได้
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช กรมสุขภาพจิต เปิดเผยกับทีมข่าวสำนักข่าวไทยว่า ปกติผู้ป่วยโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่มักก่อเหตุทำร้ายหรือทำอัตวิบากกรรมตนเอง เพราะผู้ป่วยโรคนี้จะไม่มีความยับยั้งชั่งใจ และไม่มีความสุขที่จะมีชีวิตอยู่ แต่ในขณะเดียวกันผู้ป่วยโรคซึมเศร้าสามารถก่อเหตุทำร้ายบุคคลอื่นได้ด้วย โดยเฉพาะกับคนที่รักและเป็นห่วงมากที่สุด เช่น ลูก พ่อแม่ ภรรยา สามี เป็นต้น

เมื่อผู้ป่วยรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง ไม่อยากมีชีวิต จะมักโทษตัวเองว่าเป็นคนไร้ค่า ทำให้คนที่รักลำบาก จึงคิดสั้น ไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ขณะเดียวกันยังเป็นห่วงคนที่ตนเองรัก หากตายไปคนที่ตนเองรักจะอยู่อย่างไร และยิ่งหากคนในครอบครัวที่รักมากๆ เป็นผู้ป่วย เป็นผู้พิการ หรือเป็นลูกที่ยังเล็ก หากขาดตนเองก็กลัวว่าเขาเหล่านั้นจะมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ เพราะไม่มีคนดูแล หรือขาดคนเลี้ยงดู เป็นต้น จึงต้องเอาไปด้วย หรือตายไปพร้อมกัน เพื่อจบปัญหา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]