fbpx

พ่อแม่ “น้องต่อ” ไม่เชื่อผล DNA-“ลุงแจ้” ยันไม่ได้เอาเด็กไป

นครปฐม 18 ก.พ. – ยังไม่เจอ “น้องต่อ” วัย 8 เดือน หายตัวปริศนา พ่อแม่ไม่เชื่อผลตรวจดีเอ็นเอ ด้านตำรวจนำ “ลุงแจ้” สอบอีกครั้ง เจ้าตัวยันไม่ได้เอาไป ส่วนเรื่องดีเอ็นเอ หากเป็นจริงพร้อมยอมรับ


ยังคงเป็นปริศนากับการหายตัวไปของ “น้องต่อ” เด็กชายวัย 8 เดือน ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะนอนอยู่กับพ่อแม่และหลานสาว อายุ 12 ปี ในบ้านหมู่ 6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม โดยเมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) ตำรวจมารับตัว “พุด-นิ่ม” พ่อและแม่ของน้องต่อ รวมถึงลุงวีและลูก ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นคนที่เข้ามาซื้อเหล้าขาวในบ้านเกิดเหตุเป็นคนสุดท้าย ก่อนเด็กจะหายตัวไป โดยรับตัวทั้งหมดไปเข้าเครื่องจับเท็จที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี และใช้เวลากว่า 11 ชั่วโมง ก่อนจะนำตัวกลับมา ขณะที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับผลการตรวจดีเอ็นเอของเด็กออกมาบ่งชี้ว่าเด็กไม่ใช่ลูกของนายพุด แต่เป็นลูกของลุงแจ้ เพื่อนสนิทของพ่อนางสาวนิ่ม หรือตาของเด็ก

วันนี้ (18 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวสอบถามนายพุด และนางสาวนิ่ม พ่อและแม่ของน้องต่อ ทั้งคู่ยังยืนยันไม่เชื่อในผลตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจากไม่ได้เห็นด้วยตัวเอง นายพุดบอกว่าทั้งคู่ได้คุยกัน นางสาวนิ่มยังยืนยันว่าไม่ใช่ลูกของลุงแจ้ เวลานี้ส่วนตัวไม่สนใจว่าเป็นลูกใคร อยากให้เจอลูกก่อน อยากให้ตรวจใหม่อีกรอบ และจะได้มานั่งคุยกันอีกครั้ง พร้อมกันนี้อยากขอให้คนที่เอาลูกไปเอามาคืนได้แล้ว หรืออยากจะได้เงินก็ให้โทรไปบอกกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จะได้ช่วยดำเนินการให้


ด้านนางสาวนิ่ม แม่เด็ก กล่าวว่า ยังไงน้องต่อก็เป็นลูกของตน ตนเป็นคนคลอดมาด้วยตัวเอง ส่วนนายพุดยังไม่ได้คุยกันว่าเขาโอเคหรือเปล่า รับได้หรือเปล่า

สอบ “ลุงแจ้” อีกครั้ง ยืนยันไม่ได้เอาเด็กไป
ช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.พ.) ตำรวจนำตัวนายสุรชัย หรือนายแจ้ อายุ 35 ปี ไปสอบสวนต่อ ใช้เวลากว่า 5 ชม. เวลา 14.30 น. นายแจ้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าตำรวจสอบถามเกี่ยวกับเรื่องเด็กหาย ตนเองยืนยันไม่ได้เอาไปจริงๆ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เพราะไม่รู้จะเอาไปทำไม ที่บ้านก็มีหลานเล็กๆ อีก 2 คน

ส่วนเรื่องดีเอ็นเอยังไม่เห็นเอกสารยืนยัน แต่หากเป็นไปตามที่ปรากฏเป็นข่าว ตนเองพร้อมจะยอมรับและหาวิธีแก้ไขต่อไป แต่วันนี้ตำรวจยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาอะไร


ตร.ปัดให้สัมภาษณ์ ขอโฟกัสหาเด็กก่อน
ด้าน พ.ต.อ.สุธี วรรณสูตร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางหลวง ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ บอกเพียงสั้นๆ ว่าขอโฟกัสเรื่องตามหาเด็กก่อน ขณะนี้มีหลายทีมลงพื้นที่ทำงาน เก็บหลักฐาน สอบสวนผู้เกี่ยวข้อง ผู้ต้องสงสัย เพื่อเร่งนำตัวเด็กกลับมาให้เร็วที่สุด

เตือนกรณีข่าว “น้องต่อ” ระวังกระทบสิทธิครอบครัว-บุคคล
ด้านมูลนิธิกระจกเงาโพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีการหายตัวไปของน้องต่อ ระบุตอนหนึ่งว่า คดีนี้เป็นกรณีที่กระชับรัศมีผู้ก่อเหตุได้ในวงจำกัด การวิเคราะห์หรือสอบสวนเชิงลึก จึงต้องระมัดระวังผลกระทบต่อสิทธิของครอบครัวและบุคคลในชุมชน ประวัติพฤติกรรมส่วนตัว ไม่ว่าจะทำผิดกฎหมายอื่น ผิดจารีตศีลธรรมของสังคม ย่อมทำได้เพียงเป็นข้อมูลประกอบ ไม่สามารถใช้ตัดสินว่าบุคคลนั้นกระทำความผิดลักพาตัวเด็ก ประวัติข้อมูลส่วนบุคคลในทางสืบสวนไม่ควรถูกเผยแพร่ โดยเฉพาะจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ข้อมูลที่มีการนำเสนอในโลกออนไลน์และสื่อบางแห่ง อาจเป็นเพียงข้อมูลประกอบ ข้อคิดเห็นส่วนบุคคล หรือประเด็นส่วนตัว ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดครั้งนี้ ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม พร้อมย้ำแจ้งเบาะแสน้องต่อได้ที่มูลนิธิกระจกเงา โทร.08 0775 2673 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553

พายุโซนร้อนซูลิก

ฤทธิ์พายุโซนร้อนซูลิก ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่นครพนม

ฤทธิ์พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่ จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเดินเครื่องสูบน้ำลงน้ำโขง

อุตุฯ เตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ฝนถล่มหลายจังหวัด

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ภาคเหนือ อีสาน กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง