จัดวิวาห์ 30 คู่รัก จดทะเบียนสมรสบนหลังช้างที่สุรินทร์

ภูมิภาค 14 ก.พ. – ที่เมืองช้าง จ.สุรินทร์ ได้จัดงานวิวาห์หวานวันวาเลนไทน์ 30 คู่รักจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ร่วมกันอวยพรให้คู่บ่าวสาวทั้ง 30 คู่ ที่มาร่วมแต่งงานแบบกลุ่มชาติพันธุ์กูยโบราณของจังหวัดด้วย


บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ ได้จัดประเพณีแต่งงานของชุมชนชาวกูยโบราณ หรือซัตเต พิธี “ซัดเต” เป็นการสู่ขวัญบ่าวสาวแบบชาวกูย และมีพิธีแห่ขันหมากบนหลังช้าง การเลี้ยงอาหารช้างเพื่อความเป็นสิริมงคล และร่วมนั่งช้างจดทะเบียนสมรสบนหลัง ประจำปี 2566 มีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ร่วมกันอวยพรให้คู่บ่าวสาว ทั้ง 30 คู่ ที่มาร่วมแต่งงานแบบกลุ่มชาติพันธุ์กูยโบราณของจังหวัดสุรินทร์

โดยพิธีสมรสแบบ “พิธีซัตเต” รวมทั้งพิธีจดทะเบียนสมรสบนหลังช้างที่ถือเป็นสิริมงคล มีแห่งเดียวในโลก อีกสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีใจอย่างยิ่งก็คือ การได้เห็นคู่บ่าว-สาว ได้แสดงความรัก เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างแน่วแน่ ด้วยการตัดสินใจร่วมครองรัก ครองชีวิต เป็นทองแผ่นเดียวกัน และได้เข้าร่วมพิธีอันเป็นมงคลยิ่ง ซึ่งนับได้ว่าเป็น วันสำคัญสุดในชีวิต เพราะจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าบ่าวและเจ้าสาวทุกคู่จะได้ถือว่า เป็นบุคคลคนเดียวกันแล้วโดยสมบูรณ์


สำหรับพิธีมงคลและจดทะเบียนสมรสบนหลังช้างปีนี้ ถือเป็นพิธีที่มีรูปแบบที่แปลก แตกต่างไปจากที่อื่น เนื่องจาก มีทั้งกลิ่นอายของวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของชนชาวกูย มีหมอช้างเดินนำคู่บ่าวสาวลอดซุ้มดอกไม้ขึ้นมาประกอบพิธีซัตเต อีกทั้งยังได้นำช้าง ที่เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองมาใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง และการจดทะเบียนสมรส บนหลังช้างซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย เพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ของจังหวัดสุรินทร์ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดสุรินทร์ให้มีความคึกคัก ภายหลังโควิด-19 ซึ่ง จ.สุรินทร์ จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปี เน้นความขลังของประเพณีแต่งงานแบบชาวกูยโบราณ หรือซัตเต ความสวยงามและยิ่งใหญ่ของขบวนแห่ขันหมากของเจ้าบ่าว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีช้างเข้าร่วม 30 เชือก

ส่วนบรรยากาศที่ สวนนงนุชพัทยา จัดงานจดทะเบียนสมรสบนหลังช้างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 เช่นกัน รับวันแห่งความรัก 14 กุมภาวันวาเลนไทน์ โดยจัดขึ้นบริเวณสวนลอยฟ้าซึ่งเป็นสวนที่แปลกและใหม่ล่าสุดหนึ่งเดียวในโลก สวนนงนุชพัทยา ได้จัดขบวนแห่ขันหมากขึ้น อย่างยิ่งใหญ่ โดยนำคู่สมรส 9 คู่แรก นั่งบนหลังช้างเพื่อร่วมขบวนแห่ขันหมาก สร้างความตื่นตา ตื่นใจให้กับคู่บ่าวสาวที่มาร่วมงาน และในกิจกรรมจดทะเบียนสมรสวันนี้ ทุกคู่ที่ร่วมกิจกรรม จะได้ขึ้นบนหลังช้างเพื่อรับทะเบียนสมรสทุกคู่ พร้อมกับรับของที่ระลึกเป็นไม้มงคล จากสวนนงนุชพัทยาทุกคู่ การจัดกิจกรรมจดทะเบียนบนหลังช้างทางสวนนงนุชพัทยา ได้จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบันรวมระยะเวลา 13 ปี สำหรับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเซนต์วาเลนไทน์ (St. Valentines Day) หรือวันระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์ ชาวโรมันผู้เปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา และปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง จึงเป็นต้นกำเนิดของวันวาเลนไทน์ ที่หนุ่มสาวใช้เป็นวันบอกรักหรือสานสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น

ส่วนที่ จ.บึงกาฬ มีกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว วิ่งไปด้วยกัน Run For Love ในคอนเซปต์ “วาเลนไทน์นี้บ่เหงา ไปเบิ่งเขาจดทะเบียนสมรสกัน” เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวที่จดทะเบียนสมรส บนหินสามวาฬ (วาฬพ่อ) ที่ใช้เป็นสถานที่จดทะเบียนสมรสให้กับคู่รักบ่าว-สาว ในโอกาสวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ ท่ามกลางอากาศยามเช้าที่เย็นสบาย ผ่านเฆมหมอกในยามเช้า และแสงดวงอาทิตย์แรกของวัน โดยในปีนี้มีคู่รักร่วมจดทะเบียนสมรส บนหินสามวาฬจำนวน 13 คู่ มีคู่รัก เช่น ผู้ว่าฯ และนายกเหล่ากาชาด คู่รักส่วนราชการ พ่อค้าประชาชน และนักท่องเที่ยว ร่วมเป็นสักขีพยานรักอย่างอบอุ่น


ที่สถานีรถไฟสายแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม ได้จัดให้มีการจดทะเบียนสมรสบนรถไฟสายแม่กลอง ภายใต้แนวคิด “ขบวนรถไฟ สายใยแห่งรัก” ในวันวาเลนไทน์ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีคู่รักนักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่เดินทางมาร่วมจดทะเบียนสมรส และถ่ายภาพบันทึกความทรงจำที่ดีในวันวาเลนไทน์ ปีนี้พระเดชพระคุณพระสมุทรวชิรโสภณ เจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ได้อวยพร และมอบเหรียญอายุวัฒนมงคล 84 ปี พร้อมปะพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ให้กับคู่สมรสที่มาจดทะเบียนสมรสด้วย สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ ยังเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวตลาดร่มหุบ สถานีรถไฟสายแม่ หลังจากได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ก่อนหน้านี้

ส่วนที่ จ.พังงา ที่ต้นเสม็ดดารา บนทุ่งหญ้าสะวันนา ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา มีการนำคู่รักชายหญิงที่เดินทางมาจากจังหวัดชุมพร และในพื้นที่อำเภอคุระบุรี รวมทั้งหมด 8 คู่ ร่วมงานโครงการจดทะเบียนสมรสนอกสถานที่ “เกาะพระทอง สะวันนา วิวาห์ วาเลนไทน์ @คุระบุรี พังงา” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลแห่งความรักวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีนายเถลิงศักดิ์ นุชประหาร รองผู้ว่าฯ พังงา เป็นประธานในพิธี ซึ่งคู่รักทั้งหมดได้ร่วมชมพระอาทิตย์ขึ้นอย่างสวยงามบนทุ่งหญ้า และได้มอบมงกุฎดอกหญ้าแสดงความยินดีกับทุกคู่รัก จากนั้นได้นำคู่รักเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาที่หาดสุดขอบฟ้า พร้อมชมการแสดงของเด็กๆ ชาวมอแกน พิธีรดน้ำสังข์ จดทะเบียนสมรส มอบของขวัญให้ทุกคู่ แจกสร้อยคอทองคำ 1 เส้น พร้อมทริปท่องเที่ยว และปิดท้ายด้วยร่วมกันปล่อยเต่าตนุจำนวน 9 ตัว เป็นสัญลักษณ์ว่าให้รักกันยืนยาวเหมือนกับเต่าทะเลที่มีอายุยืนยาวเป็น100ปี

กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของอำเภอคุระบุรี โดยเกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจระหว่างท้องที่และท้องถิ่นด้วยการบูรณาการร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอคุระบุรี และจังหวัดพังงา โดยเลือกต้นเสม็ดดาราบนทุ่งหญ้าสะวันนา ที่เป็นจุดเช็คอินชื่อดัง เป็นหนึ่งในสถานที่อันซีนไทยแลนด์ ซึ่งคู่รักทุกคู่ที่เข้าร่วมกิจกรรมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]