ลพบุรี 11 ก.พ. – เหตุรุ่นพี่โรงเรียนมัธยมใน จ.ลพบุรี บังคับรุ่นน้องสูบกัญชา จนหมดสติ หัวใจหยุดเต้น ต้องหามส่ง รพ. ล่าสุดอาการยังน่าห่วง ด้าน ผอ.โรงเรียนฯ ยืนยันไม่ได้ละเลยหรือนิ่งเฉย ติดตามสอบถามอาการต่อเนื่อง และตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว
ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี พร้อมผู้บริหารที่รับผิดชอบ เปิดแถลงข่าวถึงกรณีนักเรียนรุ่นพี่ ม.3 บังคับรุ่นน้อง ม.1 ให้สูบกัญชา ภายในห้องน้ำโรงเรียน เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 จนหมดสติ มีอาการหัวใจหยุดเต้นชั่วขณะ ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล
โดยผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้สอบถามนักเรียน ทั้งผู้เสียหายและผู้ที่ถูกกล่าวอ้าง ทราบจากรุ่นน้อง ม.1 เล่าว่าวันเกิดเหตุเป็นเวลาเที่ยง พักกินอาหารกลางวัน หลังกินเสร็จ รู้สึกปวดท้อง อยากเข้าห้องน้ำ จึงวิ่งไปเข้าห้องน้ำ เจอรุ่นพี่ ม.3 สองคน กำลังสูบกัญชา และเรียกให้เข้าไปหา ตนไม่อยากไปจึงอ้างว่าต้องขึ้นห้องเรียนแล้ว แต่รุ่นพี่พูดจาบังคับและดึงตัวเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนยื่นบ้องกัญชาให้ พร้อมยัดกัญชาลงไปในปากบ้อง บังคับให้ตนเองดูดจนสำลัก 2 ครั้ง แล้วปล่อยให้กลับขึ้นห้องไป ตอนนั้นอาการเริ่มไม่ไหวแล้ว พอถึงห้องเรียนก็ฟุบตัวที่ขาของเพื่อนและขอน้ำดื่ม ก่อนอาเจียนออกมา เพื่อนๆ จึงพาตัวไปนอนอยู่หลังห้องเรียน รู้ตัวอีกทีตอนที่คุณครูกำลังช่วยทำ CPR เพื่อปั๊มหัวใจ และโทรติดต่อ 1669 รับตัวน้องส่งโรงพยาบาลโคกสำโรง จากนั้นโทรแจ้งผู้ปกครองว่า น้องเป็นอะไรไม่รู้ ตัวเหลือง หมดสติ หัวใจหยุดเต้น คุณแม่ตกใจรีบเดินทางไปที่โรงเรียน ก่อนครูโทรมาแจ้งว่า น้องหมดสติ ย้ายน้องไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลแล้ว
คุณแม่ กล่าวว่าน้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลโคกสำโรง 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.66 ตลอดระยะเวลาที่อยู่โรงพยาบาล ทางโรงเรียนไม่เคยติดต่อสอบถามอาการเด็กเลย มีแต่แม่ที่ติดต่อหาโรงเรียนเอง หลังโทรติดต่อไปก็มี ผอ.นำกระเช้ามามอบให้วันอาทิตย์ และเงียบหายไป ก่อนติดต่อมาในวันอังคาร วันที่น้องออกจากโรงพยาบาลพอดี และกลับคำพูดกับคุณแม่ว่าน้องไม่ได้ถูกบังคับ แต่น้องไปซื้อกัญชาจากเด็ก ม.2 และเต็มใจสูบเอง อุปกรณ์ก็เป็นของน้องเอง โดยทางคุณครูอ้างว่า ได้สืบหาข้อมูลภายในโรงเรียน และหลักฐานจากกล้องวงจรปิดห้องน้ำ เห็นน้องวิ่งเข้าไปอาเจียน โดยมีเด็กอีกคนมาลูบหลังให้ และสอบถามเด็กที่ลูบหลังโดยไม่รู้เลยว่า เด็กที่ลูบหลังนั้นเป็นคนเดียวกับที่บังคับน้องสูบกัญชานั่นเอง และเด็กคนนั้นอ้างว่าน้องเป็นคนผิด โดยโรงเรียนไม่เคยมาสอบถามพูดคุยกับน้องเลยสักครั้ง แต่ดันมาปักใจเชื่อว่าน้องผิดได้อย่างไร คุณแม่จึงนำหลักฐานแชทที่น้องถูกรุ่นพี่ 2 คน ส่งข้อความมาขู่ว่าให้ยอมรับไปคนเดียวและไม่ได้ถูกบังคับให้สูบ และรับว่ากัญชาเป็นของน้อง น้องเสพแต่เพียงผู้เดียว คุณแม่ไม่อยากให้งโรงเรียนปัดความรับผิดชอบทิ้ง และกลัวน้องไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยเหลือ
ทางโรงเรียนขอชี้แจงว่าได้ส่งครูติดต่อสอบถามอาการน้องและพูดคุยตลอด จนน้องออกจากโรงพยาบาล วันนี้เราก็ยังโทรติดต่อ แต่ผู้ปกครองยังไม่รับสาย ความจริงแล้วไม่ได้ละเลย ติดตามช่วยเหลือและนำกระเช้าไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล และยังส่งครูสอบถามอาการอย่างต่อเนื่อง จนน้องออกจากโรงพยาบาล วันนี้ก็โทรติดต่อ แต่ผู้ปกครองไม่รับสาย ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้นพูดคุยกับรุ่นพี่ 2 คนแล้ว บอกว่าไม่ได้บังคับ เพียงชักชวนก็ตามไป ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดเห็นตอนน้องออกจากห้องน้ำแล้วมาอาเจียน ส่วนตอนสูบกัญชาในห้องน้ำไม่เห็น เพราะข้อจำกัดของกล้องวงจรปิดไม่สามารถติดตั้งในห้องน้ำได้
ล่าสุดทีมสายไหมต้องรอด พาผู้ปกครองไปแจ้งความที่ สภ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี แล้ว และจะติดต่อให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาลพบุรี ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วย. – สำนักข่าวไทย