แม่ร้องลูกชาย ถูกทำร้ายร่างกายจนพิการไร้การเยียวยา

เชียงใหม่ 2 ก.พ. – พ่อแม่ใจสลายลูกชายหัวเรี่ยวหัวแรง ถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายจนพิการนอนติดเตียงกว่า 4 เดือน ตาขวาบอดสนิท ร้องศูนย์ดำรงธรรม แต่คดีไม่คืบ ทั้งที่เยาวชน 5 คน สารภาพก่อเหตุจริง และเคยทำบันทึกข้อตกลงชดเชยเยียวยาต่อหน้าผู้ใหญ่บ้าน แต่ไม่เคยได้เงิน


นางเรนู วัย 57 ปี ชาวบ้านใหม่สารภี ต.แม่สอย อ.จอมทอง กล่าวทั้งน้ำตา ขณะดูแลลูกชาย นายวรวิทย์ หรือน้องแท่ง อายุ 25 ปี ที่ป่วยติดเตียงนานกว่า 4 เดือน สมองยุบ ตาข้างขวาบอด ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กลายเป็นคนพิการ ต้องกินอาหารอ่อนทางสายยาง ตอนนี้ยังเป็นแผลกดทับเพิ่ม ต้องส่งตัวไปล้างแผลที่โรงพยาบาลที่อยู่ห่างจากบ้าน 20 กิโลเมตร ทุกวัน หลังน้องแท่งถูกรุมทำร้าย หมอแจ้งว่า สมองกระทบกระเทือนอย่างหนัก กะโหลกศีรษะยุบ มีเลือดคั่ง ต้องผ่าตัดสมองถึง 2 ครั้ง ใช้เวลารักษาในโรงพยาบาล 2 เดือน ใช้เงินรักษากว่า 2 แสนบาท และต้องมารักษาตัวอยู่ที่บ้านในสภาพเป็นผู้ป่วยติดเตียง ตอนนี้ครอบครัวต้องอยู่อย่างยากลำบากมาก ต้องคอยดูแลน้องแท่ง ทั้งป้อนข้าว อาบน้ำ พลิกตัวน้องทุก 2 ชั่วโมง ผลัดกันดูแล 24 ชั่วโมง ทั้งพ่อและแม่ จนไม่มีเวลาไปทำงานหาเงิน บางครั้งไม่มีเงินซื้อแม้กระทั่งผ้าอ้อมสำเร็จรูปและอาหารจากโรงพยาบาล ทั้งครอบครัวต่างหมดกำลังใจที่ลูกชายหัวเรี่ยวหัวแรงของบ้าน ต้องอยู่ในสภาพนี้ เนื่องจากพ่อแม่ก็อายุมากเริ่มแล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ดูแลน้องได้อีกนานแค่ไหน

คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2565 ขณะที่นายวรวิทย์ หรือน้องแท่ง อายุ 25 ปี ไปเที่ยวงานสลากภัตร ที่บ้านข่วงเปาใต้ ต.บ้านแปะ อ.จอมทอง และถูกกลุ่มวัยรุ่น 8-9 คน ซึ่งเป็นเยาวชนอายุ 14-15 ปี รุมทำร้าย คาดว่าจะใช้ของแข็งตีเข้าที่ศีรษะ ก่อนที่จะรุมกระทืบน้องแท่งจนสลบคาที่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลตำบลบ้านแปะ นำส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลจอมทอง ก่อนที่แพทย์จะส่งตัวน้องแท่ง รักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ แพทย์ต้องผ่าตัดสมองถึง 2 ครั้ง เพราะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก


หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2565 นายสุแก้ว พ่อของน้องแท่ง เแจ้งความไว้ที่ สภ.จอมทอง มีภาพวงจรปิดเป็นหลักฐาน จนทราบตัวกลุ่มวัยรุ่นที่รุมทำร้ายน้องแท่งว่า เป็นเยาวชนอายุ 14-15 ปี จึงนำตัวมาสอบสวนพร้อมกับผู้ปกครอง และยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปล่อยตัวไป เนื่องจากเป็นเยาวชน ต่อมาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 พ่อแม่น้องแท่ง ติดต่อผู้ปกครองเยาวชนรวม 8 คน มาทำบันทึกข้อตกลงที่ทำการผู้ใหญ่บ้านข่วงเปา ต.บ้านแปะ อ.จอมทอง ซึ่งเยาวชนทั้ง 8 คนรับสารภาพว่า ลงมือทำร้ายน้องแท่ง ต่อมาวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ทั้งสองฝ่ายมาที่ สภ.จอมทอง เพื่อตกลงเรื่องชดเชยค่าเสียหายให้น้องแท่ง ซึ่งมีเยาวชน 3 คนให้ปฏิเสธ ส่วนอีก 5 คน รับสารภาพว่าทำร้ายน้องแท่ง จนมีการเจรจาค่าเสียหายเพียง 5 คนเท่านั้น

ขณะนี้ ครอบครัวเดือดร้อนอย่างหนัก คู่กรณีไม่เหลียวแล ที่ผ่านมามีการตกลงกับคู่การณีว่าจะจ่ายค่าเสียหายให้กับลูกชายรายละ 50,000 บาท รวมเป็นเงิน 250,000 บาท ผ่านไป 4 เดือนคู่กรณีจ่ายเงินชดเชยให้กับน้องแท่ง เพียง 3 คน เป็นเงิน 60,000 บาทเท่านั้น และไม่เคยมาเหลียวแลอีกเลย เรื่องคดีความยังไม่มีความคืบหน้า ตำรวจยังไม่ได้สั่งฟ้องคู่กรณี เดินทางไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.เชียงใหม่ แต่เรื่องเงียบเช่นกัน

สำหรับความคืบหน้าคดี ตำรวจสถานีตำรวจภูธรจอมทอง แจ้งว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงเลขคดีรับแจ้งความเรียบร้อยแล้ว ส่วนสาเหตุที่ยังไม่ส่งสำนวนให้อัยการ เนื่องจากเป็นคดีเยาวชน ต้องรอผลประวัติจากสถานพินิจและความละเอียดรอบคอบในการทำสำนวน ทำให้การดำเนินคดีล่าช้า ซึ่งหลังจากนี้จะเรียกสอบปากคำเพิ่มเติมทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]