ฝากขัง “นายไข่” วัย 50 ใช้รูปไม่ตรงปกลวงสาว 17

27 ม.ค. – ฝากขัง “นายไข่” ใช้รูปหนุ่มหน้าตาดีปลอมเฟซบุ๊กหลอกคุยสาววัย 17 ปี ก่อนลวงให้ไปหา สาวหลงเชื่อหายออกจากบ้าน ตำรวจตามแกะรอยรวบตัวได้คาบ้านพักย่านสมุทรปราการ


นาทีตำรวจคุมตัวนายนพดล หรือนายไข่ รปภ. วัย 50 ปี ปลอมเฟซบุ๊กเป็นหนุ่มหน้าตาดี หลอกคุยและลวง น.ส.ตุ๊กตา (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ออกจากบ้าน มาสอบปากคำ ก่อนพาตัวส่งศาลฝากขัง แต่ญาติๆ ของ น.ส.ตุ๊กตา สุดแค้น ปรี่เข้าไปทำร้ายนายไข่ พร้อมด่าทอ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าห้ามกันชุลมุน

เหตุการณ์หลอกลวงนี้ถูกเปิดเผยโดย น.ส.นิภา น้าของ น.ส.ตุ๊กตา เห็นว่าวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ช่วง 6 โมงเย็น หลานสาวไม่อยู่บ้าน จึงไปตามหาที่บ้านเพื่อน เพราะเห็นออกไปด้วยกันตั้งแต่บ่ายโมง แต่ปรากฏว่าเพื่อนคนดังกล่าวกลับบ้านมาแล้ว แต่มีอาการหวาดกลัว พร้อมกับเล่าว่าหลานสาวไปเจอผู้ชายคนหนึ่งที่รู้จักกันผ่านเฟซบุ๊ก และนัดพบกันในช่วงรอยต่อ จ.สิงห์บุรี น.ส.นิภา ตกใจ ให้คนไปช่วยกันหาถึงประมาณ 2 ทุ่ม ก็ไม่พบหลานสาว จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ สภ.เมืองชัยนาท แต่ตอนนั้นตำรวจบอกให้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน และให้ไปแจ้งความที่สิงห์บุรี เพราะเรื่องเกิดขึ้นที่นั่น พร้อมปลอบใจเดี๋ยวเด็กคงกลับมาเอง


ส่วนเพื่อนของหลานบอกว่าหลานมาคุยว่ามีปัญหากับทางบ้านจึงไปปรึกษาผู้ชายในเฟซบุ๊ก แต่น้าสาวไม่เชื่อ เพราะที่บ้านไม่มีปัญหาอะไร คืนก่อนหายตัวยังคุยกันดี มีการเข้ามากอดมาหอม ไม่มีท่าทีคิดหนีออกจากบ้านเลย

ขณะที่การตรวจสอบเฟซบุ๊กและพูดคุยกับญาติๆ น้าสาวได้ข้อมูลเพิ่มว่าผู้ชายในเฟซบุ๊กหลอกว่าจะให้ไอโฟน 2 เครื่อง และจะให้เงินเพื่อน น.ส.ตุ๊กตา อีก 500 บาท หากพาตุ๊กตามาเจอ เมื่อไปถามชาวบ้านในจุดที่ตุ๊กตามานัดเจอกับผู้ชายในเฟซบุ๊ก ชาวบ้านบอกว่าเห็นเด็กสาวมานั่งรอบริเวณดังกล่าวจริง และมีผู้ชายมาจอดรถประมาณ 10 นาที แล้วพาเด็กไป เมื่อเรื่องดูจะบานปลายจึงติดต่อขอให้หมอปลาช่วยเหลือ

สาว 17 สะอื้นโทรหาน้าแต่ไม่กล้าบอกพิกัด
น.ส.นิภา ได้รับการติดต่อจากหลาน โดยหลานโทรมาพร้อมกับน้ำเสียงร้องไห้ แต่ไม่ยอมบอกว่าพิกัดว่าอยู่ตรงไหน แม้น้าจะพยายามสอบถามหลายครั้ง


ภายหลังวางสายกไป น้าสาวบอกว่าพยายามโทรไปที่เบอร์ของผู้ชายคนดังกล่าว แต่เขารับสายแล้วบอกว่าตอนนี้ตุ๊กตาไม่ได้อยู่กับเขา หนีไปอยู่บ้านเพื่อนที่กำแพงเพชร ทั้งยังอ้างว่าเป็นผู้หวังดี บอกว่าเด็กหนีตามมาเฉยๆ ขู่ว่าอย่าไปแจ้งความหรือตามหา เพราะจะไม่ได้เจอหลานแน่

ขณะที่ตำรวจแกะรอยได้เบาะแสว่านายไข่พูดคุยโทรศัพท์ขอมาทำงานเป็น รปภ. กับนายจ้าง และมีการพูดคุยถึงตุ๊กตาด้วย ทำให้นายจ้างอัดเสียงและส่งให้ตำรวจ ทำให้ตำรวจทราบว่านายไข่หนีมากบดานอยู่ที่สมุทรปราการ และทิ้งตุ๊กตาไปแล้ว

รวบ “นายไข่” คาห้องเช่า ยืนยันไม่ได้หลอกเด็ก
จากข้อมูลดังกล่าวทำให้วันที่ 25 ม.ค.ที่่ผ่านมา ชุดสืบสวน สภ.เมืองชัยนาท นำกำลังเข้าจับกุมนายไข่ได้ที่ห้องเช่าใน อ.เมืองสมุทรปราการ จากการสำรวจภายในห้องพบว่ามีแค่เตียง ตู้เสื้อผ้า และกระเป๋าเดินทางสีดำ ส่วนระเบียงหลังห้องพบเสื้อผู้หญิงและผู้ชายตากอยู่

ลูกชายเจ้าของหอพักให้ข้อมูลว่านายไข่เป็น รปภ. มาขอเช่าที่นี่ได้ประมาณเดือนกว่าๆ แต่น้องผู้หญิงเพิ่งเห็นมาอยู่ได้ 3-4 วัน ไม่รู้มาก่อนว่าไปหลอกลวงมา เพราะน้องไม่คุยกับใคร แต่ไม่ว่าจะไปซื้อข้าวหรือไปทำงาน หรือไปไหนจะไปกับนายไข่ตลอด

น้าของเหยื่อลั่นอยากให้ตำรวจดำเนินคดี “นายไข่” ให้ถึงที่สุด
หลังจับนายไข่ได้ นายไข่ยืนยันจะซื้อไอโฟนให้ตุ๊กตาจริง แต่รอให้มาสู่ขอก่อน อย่างไรก็ตาม น.ส.นิภา ยืนยันอยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด อยากให้ตั้งข้อหาหนักๆ เพื่อปกป้องสิทธิของเด็ก จะได้ไม่ต้องมีเด็กถูกคนแบบนี้หลอกลวงและล่วงละเมิดได้อีก เพราะคนร้ายมีกลอุบาย มีจิตวิทยาในการคุยกับเด็ก ทำให้เด็กหลงเชื่อง่าย เป็นคนที่เป็นอันตรายต่อสังคมมาก อยากให้คนที่เคยถูกคนร้ายหลอกลวงไปเช่นนี้เข้าแจ้งความกับตำรวจด้วย

ด้านตำรวจบอกว่าเบื้องต้นแจ้งข้อหากับนายไข่ คือพรากผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวง และข้อหาพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร ส่วนความผิดอื่นๆ ต้องรอให้มีการสอบปากคำเด็กร่วมกับสหวิชาชีพก่อน และรอผลตรวจร่างกายเด็กจึงจะสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้

ขณะที่นางวาริน วีระสุนทร หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยนาท เปิดเผยว่า ตอนนี้น้องเข้ามาอยู่ในความคุ้มครองของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยนาทแล้ว ส่วนสภาพจิตใจดีขึ้น จากเมื่อวานมีสภาพอิดโรยและอ่อนเพลีย ส่วนวันนี้พาไปตรวจร่างกายเพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี ส่วนการช่วยเหลือและดูแลในอนาคตได้พูดคุยกับครอบครัวเด็กแล้ว หลังคดีเสร็จสิ้นจะช่วยในเรื่องการศึกษา เพราะน้องเรียนจบ ม.3 แล้ว แต่ครอบครัวมีฐานะยากจนจึงไม่ได้เรียนต่อ

สาว 18 แฉ “นายไข่” ใช้แอปฯ หาคู่หลอกพาไปขืนใจกักขังจนท้อง
นายไข่ถูกจับได้และส่งศาลฝากขังแล้ว แต่คดีความค้างเก่าของนายไข่น่าจะยังไม่จบ เพราะล่าสุด น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ที่มีพื้นเพอยู่ศรีสะเกษ ออกมาแฉอีกว่าเคยถูกนายไข่ล่อลวงไปย่ำยีผ่านแอปฯ หาคู่ จนตั้งท้อง แล้วกักขังไม่ให้หนีไปไหน หากพยายามหนีจะถูกซ้อม ส่วนรายละเอียดคือเมื่อปี 64 น.ส.บี เรียนอยู่ชั้น ม.4 หลังสอบปลายภาคเสร็จ โรงเรียนปิดเทอม น.ส.บี ได้เข้าไปในแอปฯ หาคู่ และพบกับนายไข่ที่ใช้รูปโปรไฟล์เป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดี ทั้งๆ ที่ตัวจริงอายุประมาณ 50 ปีแล้ว

การติดต่อพูดคุยกันก็คุยถูกคอ นายไข่ได้จีบให้มาเป็นแฟน คุยกันได้เกือบ 2 เดือน นายไข่นัดเจอ แต่พอไปเจอ น.ส.บี ถึงกับตกใจ เพราะคนที่เห็นในแอปฯ กลับกลายเป็นชายรุ่นพ่อ แต่ก็ยังคุยกันจนเขาพาไปห้องเช่า เมื่อเข้าห้องก็ไปไหนไม่ได้อีกเลย เพราะถูกล่วงละเมิดและกักขัง

ไม่นานนายไข่ก็พาออกจาก จ.ศรีสะเกษ ไปที่สมุทรปราการ โดยบอกว่าจะไปเป็น รปภ. ตอนนั้น น.ส.บี พยายามหนี แต่ถูกซ้อม ตบตี กระชากผม สุดท้าย น.ส.บี ต้องอ้อนวอนขอกลับบ้าน นายไข่จึงยอมพากลับ โดยพาขึ้นรถไฟ แต่ยังไม่ทันถึงบ้านนายไข่ก็ถูกรวบบนรถไฟในคดีขโมยรถจักรยานยนต์ น.ส.บี จึงกลับไปบ้านคนเดียว

ผ่านไปเดือนกว่านายไข่ตามไปที่บ้าน ไปกินนอนอยู่ที่บ้าน แม่ของ น.ส.บี พยายามไล่ให้นายไข่ออกไปจากบ้าน แต่นายไข่บอกว่าหาก น.ส.บี ไม่ยอมไปด้วยจะอยู่ที่นี่ ตอนนั้น น.ส.บี รู้แล้วว่าท้องจึงออกไปอยู่กับนายไข่ ทนอยู่กับนายไข่เกือบปีจนคลอดลูก และหนีกลับมาบ้าน ตอนนี้ลูกสาวอายุได้ 6 เดือน และไม่ได้ติดต่อกับนายไข่อีก มีแต่นายไข่พยายามส่งรูปเมรุ รูปปืน และรูปหลุมศพ มาข่มขู่ ตอนนี้รู้ว่านายไข่ถูกจับแต่ยังกังวล อยากฝากเตือนวัยรุ่น หรือสาวๆ หากจะคบใครผ่านโซเชียลให้ดูดีๆ อย่าดูแค่รูปโปรไฟล์ และควรบอกพ่อแม่ด้วยหากจะคบใคร หรือจะไปเจอกับใคร เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อและพลาดเสียใจไปตลอดชีวิต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนเหนือ-กลาง-ตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย