รวบแล้วมือยิงเอ็ม 16 ถล่มก๊วนตำรวจ ตาย 1 เจ็บ 2

สงขลา 15 ม.ค. – เกิดเหตุอุกอาจที่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา เมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นเหตุกระทบกระทั่งกันในร้านอาหาร สุดท้ายจบลงด้วยการชักอาวุธปืนเอ็ม 16 และปืนสั้น ยิงถล่มกัน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 2 ราย ล่าสุดตำรวจรวบตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว


ชุดสืบสวน สภ.สิงหนคร พร้อมเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานภายในร้านอาหาร ซึ่งอยู่ติดกับสถานีดับเพลิงเทศบาลเมืองสิงหนคร พื้นที่หมู่ 1 ต.ชิงโค อ.สิงหนคร จ.สงขลา หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุยิงกันและมีผู้เสียชีวิต คือ นายคเชนทร์ เสียชีวิตระหว่างถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 คน ประกอบด้วย นางปราณี และ ด.ต.ณรงค์ศักดิ์

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. ตกอยู่ในร้าน 6 ปลอก และปลอกกระสุนปืนขนาด 5.56 ซึ่งใช้กับปืนเอ็ม 16 ตกอยู่ริมกำแพงนอกร้าน 10 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน


สอบสวนพยานแวดล้อมเบื้องต้นให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายที่ยิงถล่ม พร้อมลูกชายและเพื่อน รวม 3 คน ได้มานั่งรับประทานอาหารที่ร้านอยู่ก่อนแล้ว ต่อมามีกลุ่มผู้ตายประมาณ 6 คน เข้ามานั่ง หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายมีปากเสียงกันเรื่องที่กลุ่มผู้ตายพูดเสียงดัง และผู้ก่อเหตุได้พูดตักเตือน ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจจนบานปลาย จากนั้นคนร้ายได้เดินออกจากร้านไปยังรถกระบะที่จอดอยู่ข้างร้าน และหยิบอาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ตายกับพวก โดยกลุ่มผู้ตายได้ชักอาวุธปืนสั้นยิงตอบโต้ ทำให้คนร้ายขึ้นรถกระบะขับหลบหนีไป

ขณะที่ชุดสืบสวนอีกชุดได้สอบปากคำหนึ่งในตำรวจที่ไปด้วยกันกับกลุ่มผู้ตาย แต่โชคดีนอนอยู่ในรถ ไม่ได้ลงไปนั่งรับประทานอาหาร บอกว่า ตอนเกิดเหตุพวกตน ซึ่งมีตำรวจ 3 นาย และชาวบ้าน 3 คน ได้นั่งรับประทานอาหารที่ร้าน หลังจากเพิ่งเสร็จสิ้นการจัดกิจกรรมวันเด็ก กระทั่งเกิดเหตุยิงกันขึ้น แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามาจากสาเหตุใด เพราะตนเองง่วงและขอนอนอยู่ในรถ

นอกจากนี้ ชุดสืบสวนอีกชุดได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านคนยิง และพบกับลูกชาย อายุ 12 ปี ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า พ่อ (คนยิง) พาไปเลี้ยงข้าวเนื่องในวันเด็ก พร้อมกับเพื่อนพ่ออีก 1 คน ต่อมาอีกฝ่ายได้เข้ามานั่งดื่มกินที่โต๊ะข้างๆ จนเมาและพูดเสียงดัง พ่อจึงพูดเตือนไป แต่อีกฝ่ายพูดสวนมาว่า เสียงดังไปเลยไม่ต้องกลัว และจะลุกมาต่อยพ่อ แต่เพื่อนห้ามไว้ จากนั้นได้ลุกขึ้นเดินมาที่โต๊ะเพื่อขอโทษพ่อ แต่กลับมาตบพ่อ ซึ่งตอนนั้นพ่อพูดกลับไปว่า “ผมกลับดีกว่า ผมไม่มีอะไร” และลุกขึ้นเดินไป


ด้าน พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ได้สั่งการให้สอบสวนและดำเนินคดีไปตามข้อเท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวมีทั้งชาวบ้านและตำรวจร่วมอยู่ในเหตุการณ์

ขณะที่ศาลจังหวัดสงขลาอนุมัติหมายจับคนร้าย 2 คนแล้ว คือ นายวันชัย หรือ “บอย” อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นคนยิง และนายณัฐพล อายุ 25 ปี เพื่อนอีกคนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ โดยทั้งคู่ถูกตั้ง 3 ข้อหา คือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันพยายามฆ่า และร่วมกันมีอาวุธปืนฯ และพกพาอาวุธปืนฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งหาเบาะแสติดตามจับกุมทั้ง 2 คน อย่างกระชั้นชิด

เปิดภาพวงจรปิดมือปืนยิงเอ็ม 16 ถล่มก๊วนตำรวจ

สำนักข่าวไทยได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะทั้งสองฝ่ายมีเรื่องและยิงกัน โดยฝั่งคนยิงนั่งอยู่ที่ซุ้มไม้ไผ่นอกร้าน ส่วนกลุ่มตำรวจกับเพื่อนนั่งอยู่ในร้าน ตอนที่มีเรื่องกัน กลุ่มของตำรวจได้เดินมาตบหน้าคนยิงที่นั่งอยู่ในซุ้ม จากนั้นฝ่ายคนยิงกับเพื่อนและลูกชายได้เดินออกจากร้านมาที่รถ โดยคนยิงได้เปิดประตูฝั่งซ้ายหยิบปืนออกมา ส่วนเพื่อนอีกคนเดินไปเปิดประตูขับรถ และให้ลูกชายเดินออกไปหน้าร้าน จากนั้นได้เปิดฉากใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงใส่กลุ่มตำรวจเข้าไปในร้าน 1 ชุด ก่อนจะขับรถกระบะออกไป โดยฝ่ายตำรวจได้ยิงตอบโต้ด้วยอาวุธปืน 9 มม. และเมื่อขับรถไปถึงปากซอย ก็ยิงใส่ฝ่ายตำรวจอีก 1 ชุด ก่อนขับรถหลบหนีไป

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้วทั้ง 2 คน โดยนายวันชัย หรือ “บอย” อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นคนยิง ถูกจับกุมได้ขณะหนีไปกบดานอยู่ที่บ้านญาติ ในพื้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช พร้อมปืนเอ็ม 16 ที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งซุกซ่อนไว้ในสวนยาง ส่วนอีกคน คือ นายณัฐพล อายุ 25 ปี เพื่อนที่ร่วมก่อเหตุ ถูกจับกุมได้ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.สิงหนคร พร้อมรถกระบะที่ทั้ง 2 คน ใช้ขับหลบหนีหลังก่อเหตุ โดยขณะนี้ทั้ง 2 คน ถูกคุมตัวมาสอบสวน และแจ้งข้อหาดำเนินคดีที่ สภ.สิงหนคร. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]