ประจวบคีรีขันธ์ 20 ธ.ค. – การค้นหากำลังพลเรือหลวงสุโขทัยยังดำเนินการต่อเนื่อง ขณะที่หนึ่งในลูกเรือผู้รอดชีวิต เผยลอยคออยู่ 1 ชม. ก่อนเรือใหญ่เข้าช่วยเหลือ ด้านเพื่อนโพสต์ถึง “น.ต.พลับ” ต้นเรือที่ยังหาตัวไม่เจอ
การค้นหากำลังพลเรือหลวงสุโขทัยที่เหลือ ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด มีการยืนยันจากกองทัพเรือ ว่า จำนวนกำลังพลจริงๆ บนเรือ มีจำนวน 105 นาย (กำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ลา 1 คน) และล่าสุด ช่วยเหลือได้แล้ว 76 นาย โดยรายล่าสุด คือ พลทหาร ชนัญญู แก่งศรียา เรือหลวงอ่างทอง ไปพบเมื่อเวลา 14.14 น. ลอยคออยู่ทางใต้เขตติดต่อระหว่าง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กับ จ.ชุมพร สามารถนำขึ้นเรือด้วยความปลอดภัย
ช่วงเช้าวันนี้ (20 ธ.ค.65) พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เดินทางไปที่ศูนย์ประสานความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือหลวงสุโขทัย ท่าเรือน้ำลึกบางสะพาน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประชุมติดตามการให้ความช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยที่ยังคงสูญหาย เปิดเผยว่า จากการประเมินสภาพอากาศในวันนี้ คลื่นลมเบาลง คลื่นในทะเลสูงประมาณ 2 เมตร ทำให้อุปสรรคน้อยลง
กองทัพเรือได้ระดมสรรพกำลัง บูรณาการร่วมกับกองทัพอากาศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันปฏิบัติการค้นหาอย่างเต็มที่ โดยมีเรือหลวงอ่างทองเป็นเรือควบคุมการค้นหาในทะเล พร้อมด้วยเรือหลวงนเรศวร เรือหลวงภูมิพล เรือหลวงกระบุรี รวมทั้งอากาศยานไร้คนขับและเฮลิคอปเตอร์ค้นหาทางอากาศ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 2 ของการค้นหา จะขยายพื้นที่กว้างขึ้นจากจุดที่เรืออับปางเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด มีชุดปฏิบัติการพิเศษพร้อมที่จะออกไปให้การช่วยเหลือทันทีที่พบผู้ประสบภัย โดยจะใช้เรือขนาดเล็กลาดตระเวนใกล้ฝั่งมากขึ้น เพราะคาดการณ์จากทิศทางของคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ จ่าโท ภัทราวุธ มาลาม หนึ่งในลูกเรือเรือรบหลวงสุโขทัย เล่าว่า ตอนที่น้ำเข้าเรือตนเองอยู่แผนกช่างกลที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งคลื่นใหญ่และแรงมากทำให้เครื่องไฟฟ้าดับเพราะน้ำเข้าทั้งหัวเรือ ช่วงแรกใช้เครื่องดูดน้ำแต่ไม่ทันกับน้ำที่เข้าเยอะกว่าน้ำออก ทำให้น้ำเข้าท่วมตามห้องต่างๆ ในเรือ ตอนที่สละเรือ ตนเองกำลังจะขึ้นเรือยางแต่ด้วยคลื่นซัดแรง ทำให้ตนเองหลุดออกไป ซึ่งได้ใส่เสื้อชูชีพจึงลอยคอ จนเรือยางสามารถจะเข้าไปรับได้ และคอยอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงมีเรือใหญ่เข้าไปช่วยเหลือ
ด้านเฟซบุ๊กของ Kritsda Sripariyuph โพสต์ข้อความถึง ‘นาวาตรี พลรัตน์ สิโรดม’ ซึ่งเป็นต้นเรือ เรือหลวงสุโขทัย ที่ยังหาตัวไม่เจอ และเป็นลูกชายของ พล.ร.อ.พลวัฒน์ สิโรดม อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ
โดยระบุข้อความว่า “ถึง พลับ เพื่อนรัก…เรื่องราวที่มึงทำในทะเล กูขออนุญาตเล่าให้เพื่อนๆ ได้รู้ก่อนนะ … ทุกข้อมูลทุกคำบอกเล่าจากกำลังพลเรือ …. ตร. (ต้นเรือ)พลับนำพาเราตั้งแต่เรือยังเอียงมากๆ ทุกคนอยู่ในความหวาดกลัวให้เตรียมพร้อมครับ พอจังหวะที่ทุกคนลงในน้ำ ตร.และนกว. สั่งการพาเราว่ายน้ำเป็นกลุ่มๆ ไปจนถึงเรือหลวงกระบุรีสำเร็จ โดยที่ต้นเรือพลับเองก็ลากพาจ่าตรีที่ไม่มีชูชีพไปด้วย และยังคงตะโกนสั่งให้ทุกคนขึ้นเรือไปอยู่ตลอดเวลา จนพวกเราส่วนมากขึ้นเรือได้ครับ…..
เพื่อนรัก…มึงทำหน้าที่ในตำแหน่งที่มึงรักในเรือของเรา…ต้นเรือสุโขทัยได้ดีเยี่ยม หน้าที่ผู้บังคับบัญชาได้ดีเยี่ยม หน้าที่ของความเป็นมนุษย์ได้ดีเยี่ยม สมศักดิ์ศรีของพวกเราสามสมอ ศักดิ์ศรีนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 50 ศักดิ์ศรีนักเรียนนายเรือรุ่น 107 อย่างดีที่สุด …. เรื่องราวนี้มันมีเกียรติที่ยศ ที่มึงไม่เคยต้องการ ที่มึงไม่เคยให้ความสำคัญกับคำชมเชยใดๆ มากกว่าผลสำเร็จของงาน…รอมึงอยู่นะเพื่อน … แค่ 30 ชม.เอง กูรู้ว่ามึงไหว เราออกรบกันมา 21 วันติดกัน…ไม่หลับไม่นอนเรายังผ่านมาแล้ว…เรื่องเล่ามึงเยอะแล้ว เพื่อน…รีบกลับมากูมาเล่าเรื่องนี้ให้กูฟังด้วยตัวเอง…กูรู้..ยังมีอีกเยอะที่กูยังไม่เล่า….มึงกำลังลอยช่วยเด็กๆอีกกลุ่มนึงอยู่ใช่มั้ย..มึงเป็นคนแบบนั้น…มึงไม่เคยทิ้งใครไว้ด้านหลัง… อดทนนะมึง…พวกเราไปหามึงแล้ว
ทั้งนี้ ‘ต้นเรือ’ เป็นรองผู้บังคับการเรือหรือนายเรือ (Captain หรือ Master) และมีความรับผิดชอบในการบริหารจัดการเรือ ด้านความปลอดภัย (safety) และด้านความมั่นคง (Security) ของเรือ รวมถึงการดูแลความเป็นอยู่ของคนประจำเรือ และการฝึกความพร้อมต่างๆ บนเรือ เช่น การบริหารความปลอดภัย การดับเพลิงบนเรือ การค้นหาและช่วยชีวิตทางเรือ เป็นต้น
สำหรับประวัติต้นเรือ “พลับ” นาวาตรีพลรัตน์ สิโรดม เป็นบุตรชาย “บิ๊กหนุ่ย” พล.ร.อ.พลวัฒน์ สิโรดม อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือเป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 50 (ตท.50) และนักเรียนนายเรือ รุ่น 107 สำหรับ พล.ร.อ.พลวัฒน์ สิโรดม พ่อของนาวาตรี พลรัตน์ เคยมีชื่อเป็น แคนดิแดตชิงเก้าอี้ ผบ.ทร. ปี 2556 ขณะดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ทร.-สำนักข่าวไทย