บึงกาฬ 3 ธ.ค. – นักท่องเที่ยวแห่พิชิตภูทอก ภายในเขตวัดเจติยาคีรีวิหาร ต.นาแสง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ ชมความงดงามของธรรมชาติแบบ 360 องศา เชื่อการได้ขึ้นภูทอกไปถึง 7 ชั้น จะไร้โรคภัยเบียดเบียน
บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวในพื้นที่ จ.บึงกาฬ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมความอัศจรรย์ของแหล่งท่องเที่ยวเชิงอารยธรรมและพิชิต “ภูทอก” ที่ตั้งอยู่ภายในเขตวัดเจติยาคีรีวิหาร บ้านนาคำแคน ต.นาแสง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ ให้ได้สักครั้งในชีวิต
ความสูงชันของภูทอกหากมองจากภาพมุมสูงจะเห็นว่าต้องใช้พลังใจและพลังกายในการเดินเท้า เนื่องจากความสูงชันของยอดภู มีเพียงบันไดไม้ให้เดินขึ้น นักท่องเที่ยวจะมองเห็นมุมสูงแบบ 360 องศา ของพื้นที่โดยรอบ
ทั้งนี้ การขึ้นภูทอกต้องใช้พลังกายและความมุงมั่น ด้วยระยะห่างของชั้นบันได กว่าก้าวถึงยอดและลงมาได้ต้องใช้เวลา
ภูทอก ภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว สิ่งที่เป็นจุดเด่นของภูทอก ที่หาไม่ได้จากที่อื่นๆ คือสะพานไม้และบันไดไม้ที่สร้างวนรอบเป็นชั้นขึ้นสู่ยอดเขา นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปบนภูทอกจะได้สัมผัสธรรมชาติแบบ 360 องศา สมัยก่อนผู้เฒ่าผู้แก่ออกกุศโลบายว่าหากใครมาภูทอกแล้วต้องขึ้นไปถึงชั้น 7 จะมีบุญบารมี เมื่อกลับลงมาโรคภัยไข้เจ็บจะไม่มาเบียดเบียน ทำให้คนที่มาเที่ยวภูทอกแห่งนี้ต้องขึ้นไปชั้น 7 ให้ได้
สิ่งที่ผู้เฒ่าผู้แก่ออกกุศโลบายไว้เพื่ออยากให้ทุกคนตั้งจิตให้มั่น เรามุ่งหวังสิ่งใดแล้ว ถ้าตั้งมั่นทำสิ่งนั้นไม่นานก็สำเร็จได้ ตำนานที่เล่าต่อกันมาว่าเส้นทางสู่โลกแห่งการหลุดพ้นนั้นคือความเพียรพยายาม ที่นี่คือแดนสวรรค์บนดินที่ทุกคนสามารถไปสัมผัส โดยใช้ความเพียรและครองสติเดินขึ้นบันไดไม้จากชั้นที่ 1 จนถึงชั้นที่ 7 ที่พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ร่วมกับชาวบ้านสร้างไว้ เนื่องจากวัดไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวหรือแหล่งทัศนาจร แต่เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวด้านจิตใจของชาวพุทธเป็นสำคัญ.-สำนักข่าวไทย