ตั้งเพิ่มอีก 1 ปมสังหาร “ขัดแย้งธุรกิจ” ผู้รับเหมาก่อสร้าง

สุราษฎร์ธานี 12 พ.ย. – รอง ผบช.ภ.8 ลงพื้นที่ติดตามคดีมือปืนรัวยิงกว่า 20 นัด ผู้รับเหมาคนดังใน จ.สุราษฎร์ธานี เสียชีวิต ตั้งเพิ่มอีก 1 ปมสังหาร “ขัดแย้งธุรกิจ” ย้ำคดีนี้ไม่น่ายาก แต่ขอเวลาตำรวจทำงาน


กรณีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ขับรถยนต์สีดำ ใช้ปืนขนาด 9 มม. และ 11 มม. ตามประกบรัวยิงกว่า 20 นัด ใส่รถของนายสมพร อายุ 46 ปี ผู้รับเหมาก่อสร้างและนักธุรกิจคนดัง เสียชีวิต ขณะขับรถกระบะตอนเดียวผ่านหน้าโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนคนร้ายจะขับรถหนีกลับไปในเส้นทางเดิมที่ขับตามประกบ พยายามดูด้วยว่านายสมพร สียชีวิตแล้วจริงๆ ทำให้ตำรวจเชื่อว่ามือปืนน่าจะเป็นมืออาชีพ เพราะลักษณะการก่อเหตุมีการวางแผนไว้รัดกุม ส่วนการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 10 มม. กระจายเกลื่อนถนน เหตุเกิดช่วงสายวานนี้ (11 พ.ย.)

ตั้งเพิ่มอีก 1 ปมสังหาร “ขัดแย้งธุรกิจ” รับเหมาก่อสร้าง
เบื้องต้นตำรวจพุ่งเป้าไปที่ 2 ปมขัดแย้ง คือ ปัญหาส่วนตัวและชู้สาว โดยให้น้ำหนักปมชู้สาว เพราะนายสมพรมีผู้หญิงมาติดพันหลายคน แต่ล่าสุดเพิ่มประเด็นขัดแย้งธุรกิจ เนื่องจากภรรยากังวลและให้การกับตำรวจว่าสามีมีปัญหาเรื่องธุรกิจก่อสร้างถนน เมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ก่อน สามีเคยพูดขณะกินเหล้าว่าตัวเองถูกตั้งค่าหัว 3 ล้านบาท มีคนลงขัน 3 คน หนึ่งในนั้นมีข้าราชการระดับสูงในพื้นที่เกี่ยวข้องด้วย แต่ตอนนั้นภรรยาคิดว่าสามีอาจพูดไปเพราะเมา ทำให้ไม่ได้คิดอะไร แต่ไม่นานมีผู้หญิงโทรมาบอกให้สามีระวังตัว ก่อนเกิดเหตุสลดขึ้น


เช็ก CCTV พบเส้นทางหนี แต่จุดไฮไลท์กล้องเสียทั้งหมด
ขณะที่การไล่กล้องวงจรปิดวันนี้พบว่ากล้อง CCTV ของเทศบาลตำบลเวียงสระบันทึกภาพขณะเกิดเหตุไว้ได้ ส่วนกล้อง CCTV ของทางการรถไฟบันทึกรถคนร้ายขณะขับข้ามจุดตัดรถไฟมุ่งหน้าเข้าตัวตลาดบ้านส้อง และน่าจะมุ่งหน้าขึ้นสู่ถนนสายเอเชียหรือสาย 41 แต่กล้อง CCTV ของเทศบาลตำบลบ้านส้อง พื้นที่รอยต่อ เสียทั้งหมด เนื่องจากการก่อสร้างสะพานข้ามจุดตัดรถไฟไปกระทบสายไฟฟ้า ทำให้ไฟดับทั้งเส้น

เปิดวงจรปิดเห็นทะเบียนรถคนร้าย แต่เป็นของปลอม
แม้บางจุดกล้องมองไม่เห็นเส้นทางหนี แต่ตำรวจสามารถเห็นพฤติการณ์ของแก๊งคนร้าย โดยคนขับสวมเสื้อแขนยาวสีขาว มือปืนที่นั่งหน้าใช้อาวุธปืนสั้นแบบแม็กนัมสีดำ ส่วนมือปืนที่นั่งหลังสวมเสื้อแขนยาวสีดำ ใช้อาวุธปืนสั้นแม็กนัม รัวยิงใส่รถ ที่สำคัญตำรวจสามารถมองเห็นทะเบียนรถของคนร้ายได้จากกล้องวงจรปิด แต่เมื่อตรวจสอบละเอียดกลับพบว่าเป็นทะเบียนปลอม

ตร.ลั่นเก็บหลักฐานครบ-จ่อหมายจับแก๊งก่อเหตุ
พล.ต.ท.สุรพงศ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 สั่งการให้ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ลงพื้นที่ สภ.เวียงสระ ไปประชุมติดตามคดี และภายหลังการประชุม พล.ต.ต.วันไชย เปิดเผยกับสื่อว่า การประชุมชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 และพิสูจน์หลักฐาน 8 ในส่วนพยานหลักฐานที่เกิดเหตุขณะนี้เก็บครบสมบูรณ์ แต่เพื่อให้รัดกุมอาจต้องเก็บหลักฐานเพิ่มในส่วนที่คดียังไม่ชัดเจน พร้อมให้ความมั่นใจว่าคดีนี้จับกุมคนร้ายได้แน่นอน รวมถึงปมสังหารนอกจากตั้งไว้ประเด็นขัดแย้งธุรกิจ ขัดแย้งส่วนตัว และเรื่องชู้สาว ยังมองไปถึงประเด็นเรื่องหนี้สิน โดยการสืบสวนเชิงลึกจะลงรายละเอียดมุ่งเป็นเคสๆ ไปตามพยานหลักฐาน ย้ำว่าประเด็นขัดแย้งเรื่องธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ในสำนวนการสอบสวนแล้ว ส่วนคนก่อเหตุยังไม่ชัดว่าคนขัดแย้งลงมือเอง หรือจ้างวาน แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานคลี่คลายคดีได้ ทุกอย่างมีรายละเอียดอยู่ ขอเวลาตำรวจทำงาน


รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 บอกด้วยว่า สำหรับพฤติกรรมของคนร้ายที่ใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะ อาจต่างจากอดีตที่ผู้ก่อเหตุมักใช้รถจักรยานยนต์ก่อเหตุ เพื่อความรวดเร็วหรือสะดวกในการหลบหนี แต่คดีนี้ผู้ก่อเหตุอาจมีการอำพรางแล้วไปเปลี่ยนรถหลบหนี ย้ำว่าขอให้จับตาและขอเวลาอีกนิดเดียวเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ครม.แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​-​คดีพิเศษ-​พศ.

ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – ครม. แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ มอบ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​ -​ คดีพิเศษ -​ สำนักพุทธฯ​ ขณะที่ “เอกนิติ​” คุมพาณิชย์​ -​ สำนักงบฯ ด้าน “ธรรมนัส​” คุมท่องเที่ยว​ -​ เกษตร​ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​นัดพิเศษ นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ มีมติแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี​ 6 คน​ ประกอบด้วย นายพิพัฒน์​ รัชกิจประการ​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน​ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์​แห่งชาติ​ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒฒาพิเศษ​ภาคตะวันออก​ (อีอีซี) นายโสภณ​ ซารัมย์​ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านสังคม​ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ (ส​ทนช.) […]

ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

ครม. ตั้ง “ไตรศุลี” นั่งเลขาธิการนายกฯ อายุน้อยที่สุด

ทำเนียบ24 ก.ย. – ครม.นัดพิเศษ ตั้ง “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ วันนี้ (24 ก.ย.) มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ครม. มีมติแต่งตั้งให้นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือเรียกกันว่า “นายกฯ น้อย” ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องคอยสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี รวมถึงการบริหารจัดการงานทั่วไป และประสานงานให้กับนายกรัฐมนตรีโดยตรง นอกจากนี้ ยังเป็นตำแหน่งที่จะต้องรวบรวมวิเคราะห์ และกลั่นกรองข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอความเห็นประกอบการพิจารณา และการสั่งการของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม นางสาวไตรศุลี ถือเป็นผู้ที่รับตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ปัจจุบันนางสาวไตรศุลี อายุ 35 ปี และเป็นลูกสาวของ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มต้นการทำงานทางการเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี […]

เจ้าของห้องคอนโด ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

23 ก.ย. – เจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สิน ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ หนุ่มเจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สิน รวมถึงใช้อาวุธมีดมาเคาะประตูเชิงข่มขู่กลางดึก เปิดใจว่าขณะเกิดเหตุตกใจกลัวมาก หากประตูพังอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด ต้องวิ่งไปหลบในห้องนอนและเอาของมาวางกั้นไว้ แต่ก็ยังโทรฯ หาตำรวจและแจ้งนิติบุคคลคอนโด แต่ก็ไม่มีใครขึ้นมา ตอนนี้ต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวและลางาน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยมีหลายคนที่เจอเหตุการณ์เหมือนกับตนเอง ส่วนทางคู่กรณี ตนอยากจะบอกว่า ถ้าหากมีอาการจิตเวชจริงก็ขอให้เข้ารับการรักษา ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษเพราะเกินเวลานั้นมานานแล้ว ยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้วเชื่อว่ากฎหมายจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สีสันวันมงคล ครม.

26 ก.ย. – นายกรัฐมนตรีถือฤกษ์ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเข้าไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการครั้งแรก ขณะที่ยังมีรัฐมนตรีอีกหลายคนเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน แต่ละคนถือเคล็ดต่างกันไป สีสันวันมงคล ครม. -สำนักข่าวไทย

จารึกนาม “16 ทหารกล้า” แนวหน้าชายแดนไทย-กัมพูชา

26 ก.ย. – กองทัพบก จัดพิธีจารึกนาม และสดุดีกำลังพล ผู้สละชีพเพื่อชาติ จากกรณีพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา อย่างสมเกียรติ.-สำนักข่าวไทย

รอปูนแข็งตัว 6 ชม. แล้วเทซ้ำ วนไปจนถึงวันอาทิตย์

กทม. 26 ก.ย. – ผู้รับเหมาปรับแผน การเทปูนลงหลุมยักษ์ เป็นการเทตามวงรอบ 6 ชั่วโมง เว้น 6 ชั่วโมง เพื่อให้ปูนแข็งตัว โดยปูนที่เทลงไปก่อนหน้าได้ไปอุดช่องโหว่ในจุดที่จะเสี่ยงให้เกิดดินสไลด์ได้ทั้งหมด 100% แล้ว คาดการเทปูน จะจบตามแผนภายในวันอาทิตย์นี้.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย