โซเชียลเดือด! วัยรุ่น 18 ทำร้ายเด็ก 14 ดับ โพสต์โชว์กร่าง พ่อรวยช่วยตลอด มั่นใจไม่ผิด

9 พ.ย. – คดีวัยรุ่นอายุ 18 ฆ่าเพื่อนรุ่นน้องวัย 14 ปี กำลังร้อนระอุ หลังผู้ก่อเหตุนำเรื่องราวดังกล่าวไปโพสต์โชว์กร่างในโซเชียลอย่างไร้สำนึก ล่าสุดถูกแจ้งข้อหาเจตนาฆ่าเพิ่มเติม


จากคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นของวัยรุ่น 18 ที่พูดถึงเหตุการณ์การทำร้ายร่างกายเด็กชายวัย 14 ปี จนเสียชีวิต ซึ่งโลกโซเชียลกำลังให้ความสนใจจำนวนมาก ในคลิปวัยุร่น 18 ปี บอกว่า มั่นใจตัวเองไม่ผิด จึงไม่หนี บ้านผมรวย พ่อผมช่วยผมตลอด ถ้าอยากมีเรื่องกันก็ไปฟ้องศาลเอา แล้วให้ญาติผู้ตายไปหาหลักฐานมาว่าตัวเองผิดยังไง จะผิดก็แค่ทำร้ายร่างกาย โดนแค่ไม่กี่ปี

และยังอ้างว่า ตัวเองฉลาด รู้กฎหมาย งานศพก็ช่วยเท่าที่ไหว ช่วยมากสุด 2,000 แต่ไม่สน ทำไมจะต้องเสียเงิน ผมขายยา ขายปืน ตำรวจเอาเรื่องผมไม่ได้ หลักฐานไม่มี ตำรวจก็จับไม่ได้ ผมเป็นเด็กฉลาด ผมดูแลตัวเองได้ อายุ 18 โตแล้ว ไม่ต้องมาสอน


ทีมข่าวสำนักข่าวไทย ได้ติดต่อสอบถามทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ซึ่งได้ให้ความเห็นว่า กรณี ของคดีวัยรุ่น 18 ปี ฆ่าเด็ก 14 ปี หากมีการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยแล้ว และปรากฏมีคลิปเสียง และจำเลยวัยรุ่น 18 รายนี้ ไปพูดตามคลิปเสียงนี้ และโพสต์ในลักษณะว่า จะรอดคดี พ่อแม่ช่วย ตำรวจจับไม่ได้ มีทนายเขียนสำนวนดี รวมทั้งการโพสต์ในลักษณะท้าทายญาติฝ่ายผู้เสียชีวิตว่า ให้เวลา 3 วัน ถ้าสิ่งที่พูดทั้งหมดนี้ทำจริง แล้วมีการปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้ว ประเด็นนี้ ขอให้พนักงานสอบสวนในคดี ไปร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว เพราะมีลักษณะทั้งการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และการยุ่งเกี่ยวกับหลักฐาน พยาน ข่มขู่พยาน หรือไม่

สำหรับประเด็นสำคัญ ในคดีเด็ก 18 ฆ่าเด็ก 14 มีอยู่ 7 ประเด็นสำคัญคือ วัยรุ่นอายุ 18 ปี ฆ่า เด็กอายุ 14 ปี วัยรุ่น 18 ปี บอกเด็กถือมีดออกมาก่อน พยานเห็นบอกเด็ก 14 ไม่ได้ถือมีด วัยรุ่น 18 ประกันตัวออกมา 20,000 เด็ก 18 ข่มขู่พี่เด็ก 14 วัยรุ่น 18 ไม่มีความสำนึกใด บอกตัวเองรวย ขายยา พ่อแม่สนับสนุน จะรอดคดี และวัยรุ่น 18 มั่นใจว่าไม่ผิด และจะช่วยงานศพ แค่ 2,000

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พ.ย. คลิปจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์วันเกิดเหตุ ขณะที่วัยรุ่นชายอายุ 18 ปี (เสื้อสีดำ) ตะโกนโวยวาย ก่อนเข้าไปทำร้ายเด็กชายอายุ 14 ปี ซึ่งอยู่หลังกล้องวงจรปิด ขณะคนที่เห็นเหตุการณ์พยายามเข้าไปห้ามปราม และนำตัวเด็ก 14 ส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายเด็กชาย 14 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลระยอง เมื่อวันที่ 6 พ.ย.65 ด้วยอาการเลือดคั่งในสมอง


ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พ.ย.65 โลกออนไลน์ มีการติดแฮชแท็ก #เด็ก18ฆ่าเด็ก14 โดยมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากวัยรุ่นอายุ 18 ปี ถูกจับ เขาอ้างว่าฝ่ายผู้เสียชีวิตได้ถือมีดจะฟันตนเองก่อน จึงต้องป้องกันตัว จนถูกแจ้งข้อหาฆ่าคนตาย ต่อมามีคนไปประกันตัวที่โรงพักในวงเงิน 20,000 บาท และเมื่อได้ประกันออกมาแล้ว ก็มีการโพสต์สตอรี่ว่าตัวเองไม่ผิด และจะไปเที่ยวงานลอยกระทง ทำให้เกิดดราม่าต่างๆ ตามมามากมาย

ขณะที่เมื่อวานนี้ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปงานสวดอภิธรรมศพ เด็กชายวัย 14 ปี พบกับญาติของเด็กชายที่อยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ พร้อมเล่าว่า ผู้ตายเป็นเพื่อนกับวัยรุ่น 18 ปี เคยมากินนอนเล่นด้วยกันอยู่ที่บ้านประจำ และไม่เคยคาดคิดว่าเด็ก 18 จะทำร้ายกันจนถึงขั้นเสียชีวิต ในวันเกิดเหตุคือวันที่ 3 พ.ย. 65 เวลาประมาณเที่ยงเศษ วัยรุ่นอายุ 18 ปี ขี่รถจักรยานยนต์มาที่บ้าน ก่อนเรียกเด็กชายอายุ 14 ปี ให้ออกไปพูดคุยกันบริเวณหน้าบ้าน

หลังจากออกมามีปากเสียงทะเลาะเสียงดัง จากนั้นวัยรุ่นอายุ 18 ปี กระโดดถีบเข้าหน้าอกเด็กชายอายุ 14 ปี ล้มลง แล้วใช้สายไฟฟาดตีซ้ำเข้าบริเวณศีรษะและตามร่างกาย จนเพื่อนบ้านและผู้เห็นเหตุการณ์เข้าไปห้ามปรามและแยกตัวออกจากกัน

จากนั้นเด็กชาย 14 ปี ได้เดินเข้าบ้าน ล้มฟุบลงกับพื้น ชักกระตุก วัยรุ่น 18 ปีจึงพาไปส่งศูนย์สาธารณสุขในหมู่บ้าน และต้องส่งต่อโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติมาบตาพุด แต่อาการสาหัส เนื่องจากเลือดคั่งในสมอง แพทย์จึงส่งต่อไปโรงพยาบาลระยอง พอไปถึงโรงพยาบาล แพทย์บอกว่า หลานชายสมองตายแล้ว และขอให้ญาติทำใจ จนวันที่ 6 พ.ย. 65 จึงเสียชีวิตในที่สุด

ส่วนสาเหตุทำร้าย คาดว่าน่าจะเกิดจากการเข้าใจผิดของแก๊งวัยรุ่น เพราะในพื้นที่ตำบลห้วยโป่ง มาบตาพุด มีแก๊งวัยรุ่น 2 กลุ่ม เป็นอริกัน คือ แก๊งกลุ่มเด็กห้วยโป่ง และแก๊งกลุ่มเด็กบ้านแขก หลานชาย อายุ 14 ปี มีเพื่อนอยู่ทั้ง 2 กลุ่ม และไปมาหาสู่กันประจำ

ขณะที่ผู้ก่อเหตุอายุ 18 ปี อยู่แก๊งกลุ่มเด็กห้วยโป่ง เกิดความไม่พอใจที่หลานชายอายุ 14 ปี ไปคบหากับแก๊งกลุ่มเด็กบ้านแขก ที่ผ่านมาเคยขู่จะทำร้าย หากยังคบกับแก๊งกลุ่มเด็กบ้านแขก พร้อมยื่นคำขาด อย่าเข้ามาในเขตห้วยโป่งเด็ดขาด ถ้าไม่เชื่อจะถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดทางญาติทราบเรื่องมาตลอด แต่ไม่คาดคิดว่าจะกล้าทำร้ายกันรุนแรงเช่นนี้

ทางครอบครัวจึงอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากตำรวจให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา เพราะผู้ก่อเหตุนำเรื่องราวดังกล่าวมาโพสต์เหมือนเป็นการเยาะเย้ยและข่มขู่ทางครอบครัว ทั้งที่ตำรวจบอกว่าได้จับกุมตัวส่งศาลและเรือนจำแล้ว แต่เฟซบุ๊กของผู้ก่อเหตุก็ยังเคลื่อนไหว และโพสต์ข้อความในเชิงข่มขู่ครอบครัวของตน

หลังวัยรุ่น 18 ได้รับการประกันตัวออกไปในข้อหาทำร้ายร่างกายทำให้บาดเจ็บสาหัส เนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นเด็ก แต่เมื่อผู้ก่อเหตุได้ประกันออกมาแล้ว ทางตำรวจเห็นพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุว่าไม่มีสามัญสำนึก และในวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้บาดเจ็บเสียชีวิต พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อเจตนาฆ่าเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านผู้ก่อเหตุ ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง พบกับแม่เลี้ยง พร้อมบอกว่า ไม่ขอพูดหรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลูกเลี้ยงคนนี้ไม่มีงานทำ เรียนไม่จบ มาอาศัยอยู่กับพ่อที่บ้านหลังนี้ แต่ไม่ค่อยอยู่บ้าน ส่วนพ่อไปทำงาน หลังก่อเหตุและได้รับการประกันตัวออกมา ผู้ก่อเหตุมาบ้านเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน และอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านทันที จนขณะนี้ยังไม่พบเห็นหน้า

อย่างไรก็ตาม ในส่วนคดี พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยโป่ง เจ้าของคดี ได้เรียกเพื่อนของผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำ ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในคลิป ใส่เสื้อยืดสีขาว นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มากับผู้ก่อเหตุ โดยยอมรับว่าวันเกิดเหตุไปกับผู้ก่อเหตุจริง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายผู้เสียชีวิต หลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จ พนักงานสอบสวนปล่อยตัวไป

ส่วนกรณีการประกันตัวของผู้ก่อเหตุนั้น ผู้สื่อข่าวสอบถามกับนายประกันที่ศาลจังหวัดระยอง รายหนึ่ง ระบุว่า ศาลอนุญาตให้ประกันตัวออกไปจริงเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก่อนที่คู่กรณีเด็ก 14 จะเสียชีวิต 1 วัน โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 20,000 ยื่นประกันตัว ศาลพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวออกไป ส่วนเหตุผล ศาลคงมีดุลยพินิจอยู่แล้วว่าข้อหาที่ผู้ก่อเหตุถูกแจ้งกล่าวหานั้น น่าจะเป็นข้อหาทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ประกอบกับคาดว่าประวัติของผู้ก่อเหตุ ไม่เคยมีคดีติดตัว ศาลจึงอนุญาตให้ประกันตัว แต่ต้องติดกำไลอีเอ็ม แต่เนื่องจากในวันนั้นเป็นวันหยุด เจ้าหน้าที่ติดกำไลอีเอ็มไม่มี ศาลจึงนัดให้นายประกันซึ่งเป็นพ่อของเพื่อนผู้ก่อเหตุ นำตัวมาติดกำไลอีเอ็ม วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ หรือในวันพรุ่งนี้ ที่ศาลจังหวัดระยอง เวลาประมาณ 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวสอบถามพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุจากเพื่อนบ้านในชุมชนเดียวกันต่างระบุว่า วัยรุ่นคนดังกล่าวมีพฤติกรรมเกเร งานไม่ทำ และมักจะมีเรื่องก่อเหตุบ่อยครั้ง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]