บุรีรัมย์ 7 พ.ย. – สามีใหม่วัย 40 ปี หึงโหด ระแวงเพื่อนบ้านรุ่นหลานคิดว่าเป็นชู้รัก ยกรางปูนใส่อาหารหมูทุบหัว ใช้มีดฟันซ้ำจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนี ส่วนเมียถูกตบตีจนสลบต่อหน้าลูกเลี้ยงวัย 6 ขวบ
ตำรวจ สภ.นางรอง รับแจ้งมีเหตุคนถูกทำร้ายเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ที่ ต.ทุ่งแสงทอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ จึงประสานแพทย์ รพ.นางรอง พบศพนายแบ๊งค์ อายุ 25 ปี สภาพถูกของแข็งทุบที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ คาดว่าน่าจะถูกรางปูนสำหรับใส่อาหารหมูทุบอย่างแรง ใกล้กันมีรางปูนใส่อาหารหมูเปื้อนเลือดอยู่ในที่เกิดเหตุ ที่ฝ่าเท้าผู้ตายยังพบรอยคล้ายถูกมีดฟัน ทั้งยังพบเสื้อผ้าถูกเผาใกล้จุดเกิดเหตุ คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเอาเสื้อผ้าของผู้ตายเผาทิ้ง นอกจากนั้นยังพบผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย คือนางบุพผา โตบังเคียม อายุ 38 ปี ถูกตบจนสลบ เบื้องต้นนำนางบุพผาส่งไปรักษาตัวที่ รพ.นางรอง
ด.ญ.เอ อายุ 6 ขวบ ลูกสาวผู้บาดเจ็บที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่าคนที่ทำร้ายนายแบ๊งค์ เสียชีวิต และทำร้ายแม่คือ นายสายชล อายุ 40 ปี สามีใหม่ของแม่ โดยก่อนเกิดเหตุแม่นั่งคุยอยู่กับผู้ตาย เพราะบ้านอยู่ติดกัน แต่พอนายสายชล มาเห็นก็เกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน แล้วนายสายชล ก็ยกรางปูนใส่อาหารหมูทุบหัวนายแบ๊งค์ จนเสียชีวิต แล้วนำเสื้อผ้าไปจุดไฟเผา จากนั้นนายสายชล ก็ตบหน้าแม่และยกตัวแม่ทุ่มกับพื้นอย่างแรงจนสลบ จึงร้องตะโกนให้คนมาช่วยแม่ ด้านนางวีรดา อายุ 47 ปี แม่ผู้ตาย เดินทางมาดูศพลูกชาย พอเห็นสภาพศพลูกที่เต็มไปด้วยเลือด ก็ทรุดลงกับพื้นร้องไห้แทบเป็นลม กู้ภัยต้องช่วยประคองและดูแลใกล้ชิด
นางสาวกรรณิการ์ อายุ 27 ปี ลูกสาวผู้บาดเจ็บอีกคน เล่าว่าตั้งแต่แม่มีสามีใหม่ ก็ไม่ได้มายุ่งเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของแม่ แต่ช่วงเย็นก่อนเกิดเหตุ เข้ามาเยี่ยมแม่ที่บ้านตามปกติ จากนั้นกลับบ้าน ผ่านไปไม่นานก็ได้รับโทรศัพท์จากชาวบ้านว่าแม่ตนถูกทำร้าย และเพื่อนบ้านที่แม่นั่งคุยด้วยเสียชีวิต สาเหตุคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องหึงหวง เพราะสามีใหม่ของแม่เป็นคนขี้หึง เห็นแม่คุยกับใครก็ระแวงไปหมด ทั้งที่แม่ก็ไม่ได้ไปยุ่งกับใคร ชาวบ้านละแวกใกล้เคียง เล่าว่าตนไม่ได้สนิทสนมกับคนเจ็บคนตาย หรือคนก่อเหตุ แต่ก็เคยได้ยินข่าวว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนโมโหร้าย และชอบหึงหวงภรรยาตัวเอง เพราะภรรยาเป็นคนหน้าตาดีอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเคยได้ยินจากชาวบ้านว่าผู้ก่อเหตุเคยทำร้ายชาวบ้านมาแล้ว จนไม่มีใครอยากจะยุ่ง เพราะไม่อยากมีเรื่อง
ขณะนี้ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นางรอง กำลังเร่งแกะรอยผู้ก่อเหตุ เพื่อเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด. -สำนักข่าวไทย