ภูมิภาค 17 ต.ค. – เมื่อคืนที่ผ่านมามีเหตุระทึก เมื่อพนังลำน้ำชีในพื้นที่อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ ขาด ทำให้มวลน้ำทะลักเข้าพื้นที่ ทางการต้องสั่งอพยพประชาชน 2 อำเภอ
เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ที่ผ่านมา มีเหตุพนังกั้นน้ำชีบริเวณกิโลเมตรที่ 6 บ้านสะดำสี ตำบลลำชี อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ เกิดทรุดตัวและขาด ทำให้ มวลน้ำทะลักเข้าพื้นที่นาข้าว และบ้านเรือนประชาชน ในตำบลลำชี ตำบลฆ้องชัยพัฒนา อำเภอฆ้องชัย และตำบลเจ้าท่า ตำบลธัญญา อำเภอกมลาไสย
หลังเกิดเหตุนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ สั่งการนายอำเภอฆ้องชัย และป้องกันจังหวัด นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อส. ผู้นำชุมชน ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และระดมเครื่องจักเข้าปิดจุดที่ขาด แต่เนื่องจากกระแสน้ำแรงและมืด ทำให้ไม่สามารถทำได้ตามที่คาดการณ์ไว้ ทำให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องเร่งประกาศเสียงตามสายให้ชาวบ้านเก็บของขึ้นที่สูง อพยพสัตว์เลี้ยง และพาครอบครัวไปอยู่ที่ปลอดภัย ซึ่งเบื้องต้นได้มีการตั้งศูนย์พักพิงไว้ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอฆ้องชัย
ล่าสุดเช้านี้นายอำเภอฆ้องชัย นั่งหัวโต๊ะสั่งอพยพชาวบ้านและตั้งศูนย์อพยพ ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ที่ว่าการอำเภอฆ้องชัย รวมถึงระดมกู้ภัย กู้ชีพ ช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วย พร้อมให้ทีมเฝ้าระวังรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานว่าพนังลำชีขาดเป็นทางยาวกว่า 50 เมตร อพยพชาวบ้านแล้ว 460 คน ส่วนหมู่บ้านที่ประสบภัย ประกอบด้วย บ้านโนนแดงหมู่ที่ 2 ระดับน้ำสูง 30 เซนติเมตร บ้านกุดเชื่อมหมู่ที่ 3 ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 1 เมตร ชาวบ้าน 100 คน ต้องอพยพออกจากบ้าน บ้านวังยางหมู่ที่ 5 ระดับน้ำสูง 2-3 เมตร ต้องอพยพคน 160 คน ไปที่ลานข้าว พนังลำน้ำชีขาด หมู่บ้าน และบนพนัง และบ้านสะดำศรี หมู่ที่ 8 ระดับน้ำสูง 2-3 เมตรครึ่ง ต้องอพยพชาวบ้าน 200 คน ไปอยู่พื้นที่หน้าบ้านนายก อบต.ลำชี และบริเวณเขื่อนวังยาง และเนื่องจากสถานการณ์น้ำยังน่าห่วง เพราะมีปริมาณมาก และไหลเชี่ยว ทำให้เครื่องจักรใหญ่ไม่สามารถเข้าทำงานได้ทันที ทำให้ล่าสุดมีการประกาศขอรับข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย โดยติดต่อไปได้ที่เบอร์ 063 903 6517 หรือ 064 180 7371
ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี ชาว อ.วารินชำราบ และอำเภอเมืองอุบลราชธานี ยังเผชิญกับปัญหาน้ำท่วม เช้านี้การเดินทางไปทำงานวันแรกหลังหยุดยาวของหลายคนยังคงต้องนั่งเรือฝ่าน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร แล้วไปต่อรถยกสูงของทหาร จิตอาสารวมถึงหน่วยงานที่มาให้บริการรถรับส่ง เพื่อไปทำงาน ซึ่งการเดินทางต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้ระหว่างนั่งรถ ทหารจึงนำข้าวและขนมแจกให้ประชาชนรองท้อง อย่างไรก็ตาม เส้นทางน้ำท่วมว่าลำบากแล้ว แต่เส้นที่น้ำยังไม่ท่วม การสัญจรก็ลำบากไม่แพ้กัน อย่างเส้นทางเลี่ยงเมือง 231 ฝั่งตะวันออกที่แขวงทางหลวงชนบท น้ำยังไม่ท่วม แต่คนแห่มาใช้กันเยอะ ทำให้ช่วงเร่งด่วนการเดินทางต้องเผื่อเวลา 2-3 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่ถนนมี 2 ช่องจราจร และระยะทางยาวเพียง 30 กิโลเมตร
สำหรับวันนี้แม่น้ำมูลยังปรับตัวลดลงอีก 3 เซนติเมตร ทำให้มีสูง 11.44 เมตร โดยมีน้ำล้นตลิ่ง 4.44 เมตร แนวโน้มระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าหากระดับน้ำปรับลดลงต่อเนื่องราว 1 สัปดาห์ ถนนสถิตนิมานกาล ซึ่งเป็นถนนสายหลัก จะมีน้ำลดจนกลับมาใช้สัญจรทางบกได้อีกครั้ง. -สำนักข่าวไทย