ชัยนาท, อยุธยา 10 ต.ค.- อบจ.ชัยนาท ส่งรถแบ็กโฮวางถุงบิ๊กแบ็กลดความแรงน้ำ เร่งซ่อมช่องโหว่ หลังคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจุดวัดลัดเสนาบดีขาดยาวกว่า 10 เมตร หวั่นหากอุดช่องโหว่ไม่ได้ น้ำจะท่วมเมืองเหมือนปี 54 ส่วนที่พระนครศรีอยุธยา น้ำทะลักท่วมวัดเชิงท่า ห่วงโบราณสถานเสียหาย
บริเวณคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา จุดวัดลัดเสนาบดี อ.เมือง จ.ชัยนาท พื้นที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งกำลังมีน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่การเกษตร โดยชาวบ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นช่วยกันทำคันดินกั้นน้ำสูงกว่า 1 เมตร แต่น้ำแรงมาก จึงกัดเซาะคันดินพังทลายขาดเป็นทางยาวกว่า 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงนำรถแบ็กโฮและใช้กระสอบทราย บิ๊กแบ็ก วางลงเพื่อลดแรงดันน้ำ เพื่อซ่อมแซม เพราะหากจุดนี้กั้นไม่อยู่ โอกาสที่มวลน้ำจะทะลักเข้าใกล้ตัวเมืองพื้นที่เศรษฐกิจมีสูง เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำงานแข่งกับเวลาอย่างเต็มที่เพื่อกั้นน้ำไว้ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่บอกว่าน้ำในปีนี้ถือว่าใกล้เคียงกับปีน้ำท่วมใหญ่ปี 2554
ที่ ต.โพนางดำตก อ.สรรพยา ถนนทางหลวงหมายเลข 311 ช่วงกิโลเมตรที่ 60 ถึงกิโลเมตรที่ 68 มีน้ำท่วมผิวถนนเป็นระยะๆ สูงตั้งแต่ 10 เซนติเมตรไปจนถึง 25 เซนติเมตร โดยช่วงกิโลเมตรที่ 62 บริเวณโค้งบางเสวย น้ำท่วมมีระดับสูงกว่าถนนมากกว่า 1 เมตร แขวงทางหลวงชัยนาททำแนวกระสอบทรายกั้นน้ำไว้ แต่มีน้ำลอดใต้กระสอบทรายและล้นกระสอบทรายเป็นช่วงๆ ไหลข้ามถนนลงคลองชลประทาน เจ้าหน้าที่ต้องคอยตระเวนดู และเข้าซ่อมแซมแนวกระสอบทรายทันทีที่มีน้ำล้น เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำกัดเซาะถนนขาด ส่วนคอสะพานสรรพยา ด้านฝั่งตะวันตก มีน้ำท่วมสูงประมาณ 25-30 เซนติเมตร เจ้าหน้าที่ได้ติดป้ายเตือนรถเล็กให้หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น
เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปรับเพิ่มอัตราการระบายไปที่ 3,068 ลบ.ม./วินาที เพื่อรักษาสมดุลของน้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน และเพื่อชะลอน้ำเหนือไว้ในลำน้ำเหนือเขื่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งจากการระบายน้ำในเกณฑ์ดังกล่าวส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกระดับขึ้น 50 ซม. ใน 24 ชม. เขื่อนเจ้าพระยาปรับระดับแจ้งเตือนจากธงเหลืองในสถานการณ์เฝ้าระวังขึ้นเป็นธงแดง ซึ่งเป็นสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ ชาวบ้านอพยพขึ้นมานอนริมถนนสายต่างๆ โดยเฉพาะถนนคันคลองมหาราชที่ปัจจุบันมีกว่า 1,500 ครัวเรือน ที่ต้องขึ้นมานอนริมถนน
อยุธยาห่วงโบราณสถานวัดเชิงท่า เสียหายจากน้ำท่วม
ขณะที่ระดับน้ำในคลองคูเมือง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งรับน้ำมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก เพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลิ่ง เข้าท่วมชุมชนริมฝั่งของคลองคูเมือง ไหลข้ามถนนด้วยกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวแรงเข้าไปชุมชนอีกฝั่ง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าที่วัดเชิงท่า ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเกาะเมือง มีโบราณสถานความสำคัญทางประวัติศาสตร์สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ถูกน้ำจากคลองคูเมืองไหลทะลักเข้าท่วมความสูงประมาณ 1 เมตร ทั้งโบราณสถานที่เป็นโบสถ์ วิหารเก่า แนวกำแพง ถูกน้ำท่วม ส่วนบริเวณลานวัด กุฏิพระสงฆ์ ศาลาการเปรียญของวัด ยังป้องกันน้ำท่วมได้
เจ้าอาวาสวัดเชิงท่าเผยว่า วัดวางแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำจากคลองคูเมืองเข้าท่วมพื้นที่ของวัดอยู่แล้ว แต่เนื่องจากคลองคูเมืองรับน้ำทั้งจากแม่น้ำเจ้าพระยาและป่าสักไหลเข้ามาในคลองคูเมือง ทำให้น้ำยกตัวล้นแนวกระสอบทรายไหลเข้าท่วมพื้นที่ของโบราณสถานและเข้ามาทางด้านข้างของวัด ซึ่งไม่ได้ป้องกัน จึงทำให้น้ำท่วมโบราณสถานสูงกว่า 1 เมตร สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ถ้าระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจท่วมสูงอีกกว่า 2 เมตร และหากท่วมนานอาจทำให้โบราณสถานเสียหาย.-สำนักข่าวไทย