อุทาหรณ์หลอกเดินสเตทเมนต์ ถูกเรียกเก็บภาษี 800 ล้าน

ระยอง 6 ก.ย. – อุทาหรณ์ 2 ผู้เสียหายอยากซื้อบ้าน แต่ไม่มีสเตทเมนต์ ถูกคนรู้จักหลอกให้เปิดบัญชีธนาคาร เพื่อจะเดินบัญชีให้ สุดท้ายถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษีกว่า 800 ล้านบาท ร้องสื่อช่วย


นายกุลวิวัฒน์ อายุ 42 ปี หนุ่มรับเหมาก่อสร้าง และ น.ส.สุรนุช อายุ 29 ปี ร้องขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน กรณีถูกคนรู้จักหลอกให้เปิดบัญชีธนาคาร เพื่อจะเดินบัญชีให้ เนื่องจากต้องการจะซื้อบ้านเป็นของตัวเอง ในราคาประมาณ 2 ล้านบาท แต่ติดตรงไม่มีสเตทเมนต์ หรือการเดินบัญชี เพื่อนำไปยื่นประกอบเป็นหลักฐานในการขอกู้เงินซื้อบ้านจากธนาคาร จนสุดท้ายถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษีคนละหลายร้อยล้านบาท

น.ส.สุรนุช บอกว่า ได้ไปเปิดบัญชีธนาคารครั้งแรกเมื่อปี 2563 มีทั้งเปิดในนามส่วนตัว และบัญชีในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด ทำกิจการเกี่ยวกับรีไซเคิล โดย น.ส.ณัฐธยาน์ บอกว่า ให้ตนเองเป็นผู้บริหารและมีอำนาจในการเบิกจ่าย ซึ่งภายหลังเปิดบัญชีแล้วเสร็จ น.ส.ณัฐธยาน์ ได้ยึดเอาสมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม รวมถึงแอปฯ ธนาคารไปทั้งหมด โดยตนไม่คาดคิดว่าจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด อีกทั้งด้วยความเชื่อใจที่เป็นคนรู้จักมักคุ้นกัน เพียงตนอยากได้แค่สเตทเมนท์ เพื่อนำไปซื้อบ้านเท่านั้น


จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา มีหนังสือจากสรรพากรเขตพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ส่งมาหา เป็นหนังสือเตือนให้ไปชำระเงินภาษีอากรคงค้าง โดยระบุชื่อของตน ในฐานะผู้ต้องร่วมรับผิดชอบในหนี้ของ หจก.แห่งหนึ่ง โดยระบุว่า หจก.ดังกล่าวค้างค่าภาษีอากรอยู่กับสำนักงานสรรพากรพื้นที่สระแก้ว ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นเงินจำนวน 867,958,621.33 บาท โดยให้ไปชำระที่สรรพากรพื้นที่อาจสามารถ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ หากพ้นกำหนดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังจากรับหนังสือ ตนถึงกับช็อก เพราะไม่เคยรู้เรื่องหรือเกี่ยวข้องกับ หจก.ดังกล่าวเลย จึงนำเรื่องไปปรึกษาทนายความ พร้อมทั้งโทรศัพท์ไปชี้แจงกับทางสรรพากร รวมถึงโทรศัพท์หา น.ส.ณัฐธยาน์ โดย น.ส.ณัฐธยาน์ บอกว่าจะจัดการให้ แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป ติดต่อไม่ได้ ทำให้ตนหมดหนทาง ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงนำเรื่องมาร้องสื่อมวลชน

ด้านนายกุลวิวัฒน์ เปิดเผยว่า ถูก น.ส.ณัฐธยาน์ หลอกว่าจะเดินบัญชีให้ เพื่อทำสเตทเมนต์กู้ซื้อบ้านเหมือนกัน จึงไปเปิดบัญชีธนาคารในนามของตน และเปิดบัญชีในนามบริษัท ทำกิจการเกี่ยวกับเหล็กและรีไซเคิล โดย น.ส.ณัฐธยาน์ ได้เอาบัญชีไปทั้งหมด หลังจากเปิดบัญชีแล้วเสร็จ ผ่านไป 3 เดือน ได้พบ น.ส.สุรนุช จึงทราบเรื่อง และรีบไปขอตรวจสอบบัญชีธนาคาร พบว่า ชื่อบัญชีในนามบริษัท มีตนเองเป็นกรรมการบริหารคนเดียว ตรวจสอบพบมีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท และอีกบัญชีกว่า 800 ล้านบาท โดยที่ตนไม่เคยรู้เรื่องว่าเงินเหล่านี้มาจากไหน จึงรีบไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน.โชคชัย ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในเงินดังกล่าว พร้อมทั้งได้โทรศัพท์หา น.ส.ณัฐธยาน์ ที่หลอกให้เปิดบัญชี ซึ่ง น.ส.ณัฐธยาน์ บอกว่าไม่มีอะไร ไปปิดบัญชีแล้วก็ไม่มีปัญหา หลังจากนั้น น.ส.ณัฐธยาน์ ก็เงียบหายไปเช่นกัน

นายกุลวิวัฒน์ ยังบอกด้วยว่า น.ส.ณัฐธยาน์ เป็นแค่นางนกต่อ หรือคนที่ลวงให้คนรู้จักเปิดบัญชีเท่านั้น ส่วนตัวการใหญ่น่าจะเป็นนายชัช และนางสุ สองสามีภรรยาที่อ้างตัวว่าทำกิจการเกี่ยวกับรีไซเคิลอยู่ที่ จ.นครปฐม เพราะ น.ส.ณัฐธยาน์ เอาสมุดบัญชีธนาคารไปให้นายชัช รวมทั้งเชื่อว่า แก๊งนี้น่าจะทำเป็นขบวนการใหญ่ แต่อยากรู้ว่านำเงินจำนวนนับพันล้านบาทมาจากไหน เพราะมีเงินหมุนเวียนแต่ละวัน วันละหลายล้านบาท คาดว่าน่าจะเป็นการฟอกเงินของพวกทำธุรกิจสีดำหรือสีเทา ทุกวันนี้ตนรู้สึกเครียดมาก เพราะไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาชดใช้ค่าภาษีจำนวนมากได้ แค่อยากกู้ซื้อบ้าน แต่กลับต้องมาถูกหลอก ยังไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร


เช่นเดียวกับ น.ส.สุรนุช ที่บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่รู้จะไปเอาเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาทมาจากไหน เพื่อใช้หนี้สรรพากร. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”