เชียงใหม่ 29 ส.ค. – วันนี้ (29 ส.ค.) เจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปรื้อถอนรีสอร์ต 5 แห่ง บนดอยม่อนแจ่ม แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของ จ.เชียงใหม่ ที่ระบุว่ารุกป่าขยายพื้นที่เพิ่ม และมีการซื้อขายเปลี่ยนสิทธิ แต่ปรากฏว่าชาวบ้านระดมกำลังออกมาต่อต้านขัดขวาง ยืนยันไม่ได้รับความเป็นธรรมในการสอบ ขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ทำให้ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้าและโต้คารมกันอย่างดุเดือด จนเจ้าหน้าที่ต้องยอมล่าถอย
ชาวบ้านม่อนแจ่มโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้อย่างดุเดือด ถึงปัญหาการตรวจสอบการรุกป่าและซื้อขายเปลี่ยนมือ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังเตรียมบุกรื้อรีสอร์ต 5 แห่ง บนดอยม่อนแจ่ม แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่ามีการรุกป่าและซื้อขายเปลี่ยนมือ จึงต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ แต่ชาวบ้านระดมมวลชนหลายร้อยคนนั่งขวางถนน สกัดเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าไปปฏิบัติการได้
ผู้นำชาวบ้าน ยืนยันว่า ชาวบ้านม่อนแจ่ม 3,800 คน มีที่ดินแค่ 2,500 ไร่ ไม่เคยรุกป่าหรือเป็นนอมินีให้นายทุน พร้อมตั้งข้อสงสัยการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งใช้แผนที่แปลงครอบครองของโครงการหลวง ซึ่งมีข้อผิดพลาด
อย่างรีสอร์ตม่อนดาวเรือง 1 ใน 5 รีสอร์ตที่ต้องถูกรื้อตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ระบุเจ้าของคือ นายชาวยึ ซึ่งไม่มีความเกี่ยวพันกับเจ้าของ แต่เจ้าของและผู้นำชี้จุด ยืนยันข้อมูลผิดพลาด เพราะที่ผืนนั้นเป็นของลุงใหม่ ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของเจ้าของปัจจุบัน นั่นทำให้เจ้าหน้าที่ต้องล่าถอย เพื่อลดความขัดแย้ง และเปิดให้ชาวบ้านโต้แย้งได้
“ม่อนแจ่ม” ถูกประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อ 58 ปีที่แล้ว จนโครงการหลวงขอใช้ประโยชน์ ให้ชาวบ้านที่อยู่ในเขตป่ามาหลายชั่วอายุคนทำการเกษตร จนม่อนแจ่มกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ชาวบ้านหันมาทำที่พักและลานกางเต็นท์ เริ่มมีนายทุนเข้ามา จึงเริ่มตรวจสอบ โดย 3-4 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รื้อรีสอร์ตขนาดใหญ่บนดอยม่อนแจ่มไปแล้ว 5 ราย ซึ่งเป็นของนายทุนรอบหมู่บ้าน พร้อมทยอยแจ้งความดำเนินคดีอีก 122 ราย โดย 86 แห่ง ถูกดำเนินคดี พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และ พ.ร.บ.โรงแรม ส่วนอีก 36 แห่ง ถูกดำเนินคดี พ.ร.บ.ป่าไม้ กระทั่งเจ้าหน้าที่จะเข้าไปรื้อถอนในวันนี้ และเกิดการเผชิญหน้าขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นให้พิสูจน์สิทธิ และหาทางออกของม่อนแจ่มให้ชัดเจน ก่อนจะบานปลาย. – สำนักข่าวไทย