“ศักดิ์สยาม” แจงเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน-โครงข่ายคมนาคม

รัฐสภา 18 ก.พ. – “ศักดิ์สยาม” แจงเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายคมนาคมของประเทศ รองรับการค้าการลงทุนและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน คาดการลงทุนปี 65 จะสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าถึง 2.24 ล้านล้านบาท


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ถึงการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม ว่า แม้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่กระทรวงคมนาคมไม่ได้หยุดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายคมนาคมของประเทศ เพื่อรองรับการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ รองรับการค้า การลงทุนจากต่างประเทศ โดยการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์และการขนส่งจะเป็นการช่วยให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้เดินหน้าแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างถนนพระราม 2 หรือหากมีโครงการใดสามารถเร่งดำเนินการได้ ก็จะทำงานอย่างต่อเนื่อง หรือโครงการใดติดปัญหาอุปสรรค หรือต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ก็จะทำข้อมูลเตรียมไว้ เพื่อสามารถดำเนินการได้ทันที


นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า การดำเนินการทุกขั้นตอนของกระทรวงคมนาคม ยึดหลักผลประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน และยืนยันว่า การดำเนินการไม่ได้ล่าช้า แต่โครงการต่างๆ ของคมนาคมเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ

นายศักดิ์สยาม กล่าวถึงการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะมีระบบรถไฟฟ้า 14 สายทาง ระยะทาง 554 กิโลเมตร สำหรับการใช้ระบบตั๋วร่วม และจะเชื่อมทั้งระบบรางและเรือ แต่ต้องยึดตามกฎหมายและระเบียบที่ต้องปฏิบัติอย่างรอบคอบ อีกทั้งต้องตามแก้ปัญหาในอดีต เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลในอดีตยังไม่มี โดยในรัฐบาลชุดนี้ได้จัดตั้งกรมการขนส่งทางราง ซึ่งจะทำหน้าที่ดูแลมาตรฐานความปลอดภัยและความเหมาะสมของอัตราค่าโดยสาร ไม่ให้เกิดการเอาเปรียบประชาชน แต่กรมการขนส่งทางรางเกิดขึ้น หลังจากที่มีสัญญาสัมปทานต่างๆ แล้ว กระทรวงคมนาคมจึงต้องใช้วิธีเจรจาและต่อรองเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถใช้วิธีอื่นๆ ได้ ไม่เช่นนั้นจะนำมาสู่ความเสียหายที่เรียกว่า ค่าโง่ ซึ่งตนเองและกระทรวงคมนาคมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า เรื่องระบบตั๋วร่วมได้มีการจัดทำกฎหมาย คือ ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และคาดว่าจะเสนอ ครม.ในกลางปี 2565 และหลังจาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ประกาศใช้ จะสามารถบังคับใช้บัตรใบเดียวและอัตราค่าโดยสารเดียว สำหรับระบบขนส่งสาธารณะได้ทุกระบบ โดยคิดค่าแรกเข้าครั้งเดียวทั้งระบบ ไม่ใช่เพียงแค่รถไฟฟ้าเท่านั้น


นอกจากนั้น กระทรวงคมนาคม มีการจัดให้มีระบบฟีดเดอร์ ทั้งระบบรถเมล์ และเรือ โดยใช้พลังงานไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ซึ่งภายในปี 2565 ขสมก.จะเริ่มหาผู้รับจ้างและให้บริการรถเมล์อีวีในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีแผนจัดหารถเมล์อีวี จำนวน 2,511 คัน และดำเนินโครงการจ้างเอกชนเดินรถ 1,500 คัน เพื่อทดแทนระบบรถโดยสารเดิม

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมได้พัฒนาระบบฟีดเดอร์ทางน้ำ เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยใกล้กับคลอง สามารถเดินทางไปต่อรถไฟฟ้าได้ โดยมีแผนดำเนินการระยะที่ 1 จำนวน 5 สายทาง เป็นระยะทาง 95 กิโลเมตร และมีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า รวมเป็น 44 จุด ส่วนระยะที่ 2 จำนวน 9 สายทาง เป็นระยะทาง 113 กิโลเมตร ทำให้มีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเป็น 50 จุด ทำให้ประชาชนเดินทางเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าได้สะดวกยิ่งขึ้น

ส่วนการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ จะเชื่อมโยงจากด้านตะวันออกสู่ตะวันตก และด้านเหนือสู่ด้านใต้ เชื่อมต่อระบบขนส่งทางรางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีแผนพัฒนาท่าเรือบก เพื่อเป็นศูนย์กลางขนถ่ายสินค้าจากรถบรรทุกไปสู่รถไฟ และขณะนี้แผนแม่บทท่าเรือบกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันการท่าเรือแห่งประเทศไทยกำลังดำเนินการศึกษา และจัดทำการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน

นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางของประชาชนที่ขณะนี้ได้พัฒนาระบบผ่านทางหลวงพิเศษแบบไม่มีไม้กั้น หรือ M-Flow เพื่อลดปัญหาติดขัดของการจราจร โดยเริ่มนำร่องที่ด่านทับช้าง 1 ด่านทับช้าง 2 ด่านธัญบุรี 1 และด่านธัญบุรี 2 ซึ่งรถสามารถเคลื่อนผ่านได้เร็วกว่าเดิมประมาณ 5 เท่า คือ ชั่วโมงละ 2,500 คัน และจะขยายผลต่อไปอีกในด้านอื่นๆ โดยในปี 2565-2566 จะขยายได้เต็มพื้นที่

นายศักดิ์สยาม กล่าวโดยสรุปว่า การดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม จะช่วยให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการลงทุนของรัฐบาล อาทิ เพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานหลัก ทั้งสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา จาก 80 ล้านคน เป็น 120 ล้านคน/ปี เพิ่มโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้ครบ 14 สายทาง 554 กิโลเมตร เพิ่มโครงข่ายรถไฟทางคู่ และแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟเป็น 1,111 กิโลเมตร

ขณะที่การลงทุนของกระทรวงคมนาคมในปี 2565 มีทั้งแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยมีเม็ดเงินในการลงทุน 1.4 ล้านล้านบาท ขณะนี้มีการลงนามในสัญญาผูกพัน 5.16 แสนล้านบาท โดยจะสามารถสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าสูงถึง 2.24 ล้านล้านบาท มีการจ้างงาน 154,000 ตำแหน่ง และจะทำให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแบบทวีคูณ หรือจำนวน 4 แสนล้านล้านบาท/ปี. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยอย่างชัดเจน ซึ่งกองทัพจะนำปัญหาเข้าสู่ที่ประชุม JBC เพื่อให้รัฐบาลกัมพูชาแก้ไขและรับผิดชอบต่อประชาชนของตนเอง หากไม่ดำเนินการ ไทยมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะขับไล่ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ตามหลักกฎหมายและหลักมนุษยธรรม ก่อนที่ช่วงบ่าย คณะเสนาธิการทหาร ลงพื้นที่บ้านหนองจาน ร่วมกับคณะ […]

“หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกแล้ว หลัง “บิ๊กเต่า” เข้าเจรจา

26 ส.ค. – “หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย หลัง “บิ๊กเต่า” ร่วมสอบปากคำคดียักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ภายหลัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เข้าร่วมสอบปากคำ พระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และ หมอบี ล่าสุด มีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต ยินยอมจะขอลาสิกขาจากเพศบรรพชิตแล้ว เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยอดีตพระอลงกต ถูกจับกุมเมื่อช่วงตี 1 ที่ผ่านมา ตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในข้อหายักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และฟอกเงิน.-สำนักข่าวไทย

ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ด้าน “แพทองธาร” หวังกลับมาทำงาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ขอ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี ด้าน “แพทองธาร” หวังได้กลับมาทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นครั้งแรก ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสีหน้าสดใส โดยระหว่างการพิจารณาวาระสำคัญ เช่น การพิจารณารายชื่อนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 69 ประจำปีการศึกษา 2569 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ มินิ วปอ. ได้สอบถามและให้ความคิดเห็นในรายชื่อของนักศึกษาบางคน ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้เป็นตัวแทนรัฐมนตรีทุกคนกล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และขอให้วันที่ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี นอกจากนี้ ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุม […]

“ณัฐพล” สั่งแจ้งเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อลวดหนาม

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ณัฐพล” ฮึ่ม สั่งกองทัพ-ปชช.แจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อรั้วลวดหนามที่บ้านหนองจาน ด้าน กต. ทำหนังสือประท้วง ย้ำ เป็นอธิปไตยของไทย เตรียมนำปัญหาทั้งหมดคุยวง GBC ก.ย.นี้ ย้ำหน่วยพื้นที่ยิงตอบโต้ได้ทันที ตามกฎการใช้กำลัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของไทย บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จะมาพบกับประชาชนที่บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ทำให้เจ้าหน้าที่นำรั้วลวดหนามมาวางเพิ่มเติม เพราะกังวลว่าชาวกัมพูชาจะมารบกวน จึงทำให้ชาวกัมพูชาตั้งใจจะมารื้อในส่วนที่เป็นรั้วเพิ่มเติม ไม่ใช่ส่วนที่วางไว้ตั้งแต่เดิม จึงได้ให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ไปว่า เป็นการปักในพื้นที่ประเทศไทย จะมาทำอย่างนี้ไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ซึ่งกองทัพภาคที่หนึ่งหรือกองกำลังบูรพาก็สามารถดำเนินการ แจ้งความข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้ ซึ่งตนเองได้ย้ำว่าจะต้องไม่มีภาพแบบเมื่อวานเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้ พลเอกณัฐพล ยอมรับว่าการนำชาวบ้านมากดดันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น จึงมอบหมายให้ทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่ไม่สามารถมาทำเช่นนี้ได้ ส่วนการปฏิบัติการ จะใช้มาตรการเดียวกับการปราบปรามการชุมนุมหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า การปฏิบัติการจะเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขั้นแรกได้ใช้ เครื่องแอลแรท (LRAD) ไปแล้ว เราต้องเตรียมกำลังเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาใช้กำลังตำรวจ เพราะหากใช้กำลังทหารจะรุนแรงเกินไป […]