ศบค.ชมชาว กทม.ร่วมกันป้องกันโรคดี

ทำเนียบรัฐบาล 15 ม.ค.- ศบค.เผยผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 188 ราย ติดในประเทศ 154 ส่วนสถานการณ์ทั่วโลกพุ่ง 93 ล้านราย ชมชาว กทม.ช่วยกันป้องกันโรคดี คงตัวเลขสองหลักไว้ได้ ทั้งที่ปัจจัยเสี่ยงเยอะ


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ 188 ราย แยกเป็น ติดเชื้อในประเทศ 154 ราย มาจากต่างประเทศ 34 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 11,450 ราย หายป่วยเพิ่ม 628 ราย หายป่วยแล้วสะสม 8,288 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม รวมเสียชีวิตสะสม 69 ราย สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ แบ่งเป็น 1. มีประวัติไปสถานที่เสี่ยง อาชีพเสี่ยงสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 81 ราย ได้แก่ สมุทรสาคร 47 ราย กทม. 27 ราย สมุทรปราการ 2 ราย นครสวรรค์ นนทบุรี นราธิวาส ชลบุรี และระยอง จังหวัดละ 1 ราย

โฆษก ศบค. กล่าวว่า 2.คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 73 ราย ได้แก่ สมุทรสาคร 52 ราย ฉะเชิงเทรา 7 ราย ระยอง 5 ราย ชลบุรีและสมุทรปราการ จังหวัดละ 3 ราย จันทบุรี 2 ราย และปทุมธานี 1 ราย และ 3.เดินทางมาจากต่างประเทศ 21 ราย ได้แก่ เยอรมนี 6 ราย ตุรกี 3 ราย เบลเยียม ซูดาน รัสเซีย สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต ประเทศละ 1 ราย และพม่า 13 ราย


“ขณะนี้ยังคงการติดเชื้อใน 60 จังหวัด ขอให้อีก 17 จังหวัดที่เหลือที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยมาก่อนคงมาตรการต่อไป อย่างไรก็ตาม จังหวัดที่เคยติดเชื้อ พบว่าไม่มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามี 20 จังหวัด ขอให้คงความเป็นพื้นที่สีเขียวต่อไป ยังมีรายงานติดเชื้อใหม่ในรอบ 7 วันอยู่ 40 จังหวัด” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษก ศบค. กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มของ จ.อ่างทอง จากการคัดกรองในชุมชน สแกนทุกพื้นที่ขณะนี้ลงมาเป็น 0 ไม่มีรายงานติดเชื้อในวันนี้(15 ม.ค.) ส่วน จ.สมุทรปราการ แนวโน้มคงที่ มี 5 รายที่รายงานจากการค้นหาเชิงรุก ส่วน จ.นครปฐม เป็น 0 มาหลายวันแล้ว เฝ้าระวังในรพ.ปทุมธานี แนวโน้มยังอยู่ที่ 1 ราย ต้องค้นหาต่อไป สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด พบว่าเป็น 94% ของการติดเชื้อทั้งหมดในรอบนี้ ขณะนี้ตัวเลขสองหลักคือ กทม.และสมุทรสาครถือว่ายังมาก

“รายละเอียดผู้ป่วยยืนยันสะสมระลอกใหม่ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2563 – 15 ม.ค. 2564 อยู่ที่ 7,213 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 3,481 ราย ค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 3,260 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 438 ราย ผู้ป่วยรักษาหาย 628 ราย สะสมหายป่วยแล้ว 4,348 ราย กำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 2,856 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 9 ราย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว


โฆษก ศบค. กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทั่วโลก พบผู้ติดเชื้อยืนยันสะสม 93,529,253 ราย เสียชีวิตสะสม 2,002,347 ราย โดยสหรัฐอเมริกา ยังมีผู้ติดเชื้อสูงสุดอันดับ 1 จำนวน 23,848,410 ราย อันดับ 2. อินเดีย จำนวน 10,528,508 รายอันดับ 3. บราซิล จำนวน 8,326,115 ราย อันดับ 4. รัสเซีย จำนวน 3,495,816 ราย อันดับ 5. สหราชอาณาจักร จำนวน 3,260,258 ราย ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับที่ 128

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เช้าวันนี้ (15 ม.ค.) นายกรัฐมนตรีประชุมเทเลคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขไปยังจังหวัดตาก เพื่อติดตามสถานการณ์โควิด-19 พบมีผู้ติดเชื้อ 100 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ 81 ราย ติดเชื้อในจังหวัด 19 ราย โดยนายพงษ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตากรายงานแผนเตรียมความพร้อมโรงพยาบาล เสริมเตียงผู้ป่วย และเตรียมโรงพยาบาลสนาม รองรับกรณีมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม

“ส่วนความมั่นคงตามแนวชายแดนได้สนธิกำลังกับทหาร ตำรวจ ชุดลาดตระเวน 175 จุด ป้องกันการลักลอบเข้าประเทศ สำหรับคนไทยที่ต้องการกลับเข้าประเทศบริเวณชายแดน จ.ตากมีจำนวนมาก ซึ่งอนุญาตให้เดินทางเข้ามาและยกกฎเกณฑ์บางอย่างเพื่อนำเข้าตรวจคัดกรองป้องกันการลักลอบ พบว่ามี 152 รายที่เดินทางเข้าประเทศ และเข้าสู่สถานที่กักกันของรัฐติดเชื้อ 65 ราย” โฆษก ศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงกราฟตัวเลขผู้ติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังเป็นสีแดง ขณะที่หลายจังหวัดเริ่มลดระดับลง ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองใหญ่ จึงมีหลายปัจจัย ทั้งสถานบันเทิง ตลาด มีคนจำนวนมากเป็น 10 ล้านคน และยังมีผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง แต่กรุงเทพมหานครดำเนินการอย่างเข้มข้นมา โดยการค้นหาเชิงรุก ซึ่งการที่คงตัวเลข 2 หลักถือว่าควบคุมโรคได้ดี ต้องชมชาวกรุงเทพฯ ที่ช่วยกันป้องกันโรคได้ดี.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]