ยันพล.ต.อ.สมยศ นำสายประสิทธิ ตรวจความเร็วรถบอส อยู่วิทยา

รัฐสภา 19 ส.ค.- “พ.ต.อ.ธนสิทธิ์” เปิดชื่อ “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” เอี่ยวพา “สายประสิทธิ์” พบพนักงานสอบสวน เรื่องความเร็วรถ “บอส อยู่วิทยา” กลางกรรมาธิการฯ แต่แจงไม่ตรงกับ “พล.ต.อ.มนู -พ.ต.อ.วิรดล” ที่ยันไม่ได้มา พร้อมลั่นไม่มีอำนาจก้าวก่าย ขณะที่ถูกกมธ.จี้ ถามปมคำนวณความเร็ว ด้าน “ธานี” ปัดชี้นำอัยการสูงสุด และไม่เคยมีมติให้ “พล.ต.อ.สมยศ” ไปพบพนักงานสอบสวน


คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ประชุมร่วมกับ คณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎรที่มี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน เพื่อพิจารณาคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต

คณะกรรมาธิการฯ เชิญ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.วิรดล ทัมทิบดี อดีตผู้กำกับ สน.ทองหล่อ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และนายธานี อ่อนละเอียด ส.ว. แต่ พล.ต.อ.สมยศ ได้ส่งหนังสือเลื่อนการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ โดยไม่ได้ระบุว่าจะมาชี้แจงในวันใด แต่ในหนังสือระบุว่า คณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เคยพิจารณาเรื่องนี้ไว้แล้ว สามารถสืบค้นได้จากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร


พล.ต.อ.มนู ชี้แจงถึงการสอบปากคำ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เรื่องการตรวจวัดความเร็วรถได้ 177 กม.ต่อ ชม.โดยยอมรับว่า ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559ได้เรียก พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ และผู้บังคับการพิสูจน์หลักฐานกลาง นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์มหาวิทยาเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และ พ.ต.อ.วิรดล ให้มาเข้าพบ ยืนยันว่า พิสูจน์หลักฐานเป็นหน่วยงานอิสระ ฉะนั้น ใครจะแทรกแซงก้าวก่ายไม่ได้ ผู้บังคับบัญชาไม่สามารถไปกดดันได้เลย ตนปล่อยให้ทั้ง 3 ฝ่ายคุยกันอย่างอิสระ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมของแต่ละฝ่าย และมารู้ภายหลังว่า สรุปแล้วความเร็ว 79 กม.ต่อ ชม. ซึ่งส่วนตัวเข้าใจว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าการคำณวนของนายสายประสิทธิ์ถูกต้อง จึงเปลี่ยนคำให้การจาก 177 กม.ต่อ ชม. เป็น 79 กม.ต่อ ชม.

ทั้งนี้ เมื่อกรรมาธิการพยายามซักถามว่า เหตุใดจึงมีชื่อของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ดำรงตำแหน่ง สนช. ในขณะนั้นมาเกี่ยวข้อง ซึ่งพล.ต.อ.มนู ยืนยันว่า พล.ต.อ.สมยศ ไม่ได้มาด้วย และไม่มีทางที่ใครจะสั่งนักวิทยาศาสตร์ได้ การพิสูจน์หลักฐานมีความเป็นอิสระ ไม่มีใครก้าวก่ายได้พร้อมยืนยันว่าไม่รู้จักกับนายสายประสิทธิ์ เป็นการส่วนตัว แต่เห็นว่า นายสายประสิทธิ์เคยมาช่วยกองพิสูจน์หลักฐานกลางหลายคดี โดยเฉพาะคดีของเสี่ยชูวงษ์ และยังเคยเป็นอาจารย์บรรยายเรื่องความเร็วให้กับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน

ขณะที่ พ.ต.อ.วิรดล ยืนยันว่า ไม่รู้จักนายสายประสิทธิ์ เพียงแต่เห็นมีบุคคลภายนอกหนึ่งคนอยู่ในห้องของ พล.ต.อ.มนู ซึ่งเป็นผู้บัญชาการพิสูจน์หลักฐานกลางในขณะนั้น และในวันดังกล่าว ตนแค่บังเอิญเข้าไปสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจาก พ.ต.อ.ธนสิทธิ์


นายรังสิมันต์ โรม กรรมาธิการฯตั้งคำถามว่า ตกลงใครเป็นผู้นำนายสายประสิทธิ์เข้ามาคำนวณความเร็วในคดีนี้ เพราะแต่ละคนชี้แจงว่า ไม่รู้จัก นายสายประสิทธิ์สักคน ทำให้พล.ต.อ.มนู ยอมรับว่า ตนก็ไม่ทราบว่าใครเป็นคนพามา แต่เข้าใจว่า พนักงานสอบสวนในคดีนี้นำนายสายประสิทธิ์เข้ามา และช่วงนั้น นายสายประสิทธิ์อาจจะมีวิธีการคำนวณความเร็วในแบบฉบับของนายสายประสิทธิ์ แต่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ อาจจะไม่มีเวลาดูว่า วิธีการคำนวณมีข้อผิดพลาดอย่างไร จึงเชื่อโดยสนิทใจ แต่ไม่กี่วันผ่านไป กลับไปทบทวน ก็ได้ความเร็วเท่าเดิมคือ 177 กม.ต่อ ชม. แต่พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนไปให้อัยการแล้ว

จากการชี้แจงของ พล.ต.อ.มนู ทำให้ นายรังสิมันต์ พยายามซักถามอีกว่า ก่อนหน้านี้ ตามเอกสารของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ระบุว่า พล.ต.อ.สมยศ เป็นคนนำนายสายประสิทธิ์ เข้ามา ด้านพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ชี้แจงเพียงสั้น ๆ ว่า ตนได้ส่งเอกสารให้นายสิระทั้งหมดแล้ว ขอยืนยันตามเอกสาร

นายรังสิมันต์ ตั้งข้อสังเกตว่า อยู่ดี ๆ นายสายประสิทธิ์จะเดินเข้ามาเองไม่ได้ พล.ต.อ.มนู เป่าคดีหรือไม่ ทำให้ พล.ต.อ.มนู พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า มากล่าวหาว่าเป็นคนเป่าคดี หมายความว่าอย่างไร ซึ่งนายรังสิมันต์ ตอบว่า เป็นเพียงการตั้งคำถามเท่านั้น

จากนั้น กรรมาธิการฯ ได้ซักถามย้ำถึง คนที่นำนายสายประสิทธิ์เข้ามาคำนวณความเร็ว โดย พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ยังยืนยันเช่นเดิมว่า เป็นไปตามเอกสารที่ส่งให้ และเมื่อกรรมาธิการฯ ถามว่า คือ พล.ต.อ.สมยศ ใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ก็ตอบกลับว่า ครับ

ขณะที่ พล.ต.อ.มนู กล่าวว่า ประเด็นของคดีนี้ ไม่ได้อยู่ที่ใครนำนายสายประสิทธิ์เข้ามา เพราะไม่มีใครสามารถก้าวก่ายแทรกแซงได้อยู่แล้ว แต่ประเด็นอยู่ที่การคำนวณความเร็วมากกว่า ไม่ว่าใครจะพานายประสิทธิ์มา ก็ไม่มีผลอะไร และหาก พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ถูกกดดันจริง ในวันนั้น ก็สามารถมาบอกตนให้แก้ปัญหาได้ และจะทำให้ไม่เกิดปัญหามาจนถึงทุกวันนี้

ต่อมา นายรังสิมันต์ ได้ถามย้ำพล.ต.อ.มนู ว่า ในวันดังกล่าว พล.ต.อ.สมยศ นำนายสายประสิทธิ์ มาจริงหรือไม่ โดยพล.ต.อ.มนู ไม่ตอบ และขอตัวออกจากห้องประชุม เนื่องจากต้องไปชี้แจงกรรมาธิการงบประมาณ และได้ย้ำกับสื่อมวลชนขณะออกจากห้องประชุมกรรมาธิการฯว่า ในวันนั้น ตนไม่เห็น พล.ต.อ.สมยศ ตามข้อมูลของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ในฐานะ ผบ.สอบสวน หลักฐานตำรวจ ยืนยันมีความอิสระ ไม่มีใครมาก้าวก่าย ถ้าผิดพลาดยังสามารถร้องให้หน่วยงานอื่นตรวจสอบได้ ขอยืนยันว่า ไม่ว่าใครพามาก็แล้วแต่ ไม่มีผลอะไรเลย ไม่มีสาระสำคัญอะไร และถ้า พ.ต.อ. ธนสิทธิ ไม่ไหว ตั้งแต่วันนั้นก็บอกตนได้

เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.วิรดล ที่ยืนยันว่า ตนไปคนเดียว ไม่ได้ไปกับ พล.ต.อ.สมยศ และเห็นว่าการสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ เป็นเรื่องของพนักงานอัยการ

เมื่อถูกกรรมาธิการสอบถามหลายครั้งที่สุด พ.ต.อ.ธนสิทธิ ยอมเปิดเผยชื่อชัด ว่าพล.ต.อ.สมยศ มาพร้อมพ.ต.อ.วิรดล นำนายสายประสิทธิ์ มาพบเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 จากนั้น ชี้แจงเหตุการณ์ อย่างละเอียดขั้นตอนการเก็บหลักฐาน การพิจารณาความเร็ว ที่เชื่อการคำนวณของนายสายประสิทธิ เพราะเห็นเป็นผู้เชี่ยวชาญ และเมื่อได้ทบทวน แล้วมาพบความคลาดเคลื่อนก็ได้พยายามรายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อขอแก้ไขให้ถูกต้อง แต่ได้รับแจ้งว่าหมดอายุความแล้ว ส่วนที่ระบุว่ากดดัน และมีความเครียด เป็นเพราะเป็นการคำนวณดังกล่าวเป็นรูปแบบใหม่ อีกทั้ง มีอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาพบ ส่วนเรื่องความปลอดภัย ขณะนี้นายวิชา มหาคุณ ประสานตำรวจคุ้มครองพยานเข้ามาดูแลแล้ว

กรรมาธิการฯได้ซักถาม พ.ต.อ.วิรดล ถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ พยายามขอเปลี่ยนแปลงคำให้การเพื่อยืนยันความเร็วที่ 177 กม.ต่อ ชม.เหมือนเดิม เพราะเห็นว่า การคำนวณของนายสายประสิทธิ์ผิดพลาดนั้น พ.ต.อ.วิรดล กล่าวว่า เนื่องจากได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการไปแล้ว และขณะนั้น ตนได้ย้ายออกไป ไม่ได้เป็นผู้กำกับ สน.ทองหล่อแล้ว ประกอบกับ มีอีกคดีหนึ่งที่อยู่ในความรับผิดชอบ ทำให้ไม่ได้สนใจ

พ.ต.อ.วิรดล ยังยอมรับว่า ใส่วันที่สอบ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เท็จ เนื่องจากมีความผิดพลาดในเรื่องของคำให้การที่ตอนแรกตั้งใจว่า จะสอบเรื่องความเร็วอีกครั้งในวันที่ 2 มีนาคม แต่ปรากฎว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แจ้งว่า ได้ผลการคำนวนตั้งแต่ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จะเอาไปเลยหรือไม่ พ.ต.อ.วิรดล จึงจะรับรายงานไปเลย พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ จึงได้ทำรายงานการคำนวณให้ ประกอบกับ พนักงานอัยการเร่งรัดให้ส่งสำนวน จึงไม่ได้สอบปากคำ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ อีกครั้งในวันที่ 2 มีนาคมตามที่ตั้งไว้ แต่ยืนยันว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ได้ยืนยันความเร็วที่ 79 กม.ต่อ ชม.มาตลอด จนถึง 2 มีนาคม แต่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เพิ่งจะมาขอเปลี่ยนในวันที่ 20 มีนาคม ซึ่งขณะนั้นได้ส่งสำนวนไปเรียบร้อยแล้ว

พ.ต.อ.วิรดล ยังเปิดเผยไทม์ไลน์พยานสำคัญ 2 ปากว่า นายจารุชาติ มาดทอง เข้ามาเป็นพยานในคดีนี้ตั้งแต่ปี 2555 แต่ พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร เข้ามาเป็นพยานในสำนวนเมื่อปี 2558 โดยคำสั่งของอัยการ ให้พนักงานสอบสวนสอบพยานปากนี้เพิ่ม

ขณะที่นายธานี อ่อนละเอียด ยืนยันว่า กรรมาธิการ สนช. ดำเนินการถูกต้องทุกประการ ไม่มีอำนาจสั่งการอัยการหรือพนักงานสอบสวน เพียงมีการร้องขอความเป็นธรรมมายัง กรรมาธิการจึงต้องตรวจสอบและส่งเรื่องให้อัยการ เปรียบเสมือนพนักงานไปรษณีย์ ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักนายสายประสิทธิ์ และไม่ทราบว่าเคยไปคำนวณความเร็วในชั้นพนักงานสอบสวน ก่อนมาชี้แจงในกรรมาธิการ สนช.

กรรมาธิการพยายามสอบถามนายธานี ว่ารายงานของ สนช. ชี้นำอัยการสูงสุดให้เชื่อในพยานที่เพิ่มเข้ามาหรือไม่ ทำให้นายธานี ย้อนว่า เป็นการกล่าวหาเกินไป เพราะในรายงานเขียนแค่ข้อเท็จจริงที่พยานแต่ละคนให้การมาเท่านั้น และยืนยันไม่เคยมีมติให้พล.ต.อ.สมยศ ไปพบพนักงานสอบสวน

นายรังสิมันต์ โรม ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด กรรมาธิการ สนช. สอบคนละประเด็นที่บอส วรยุทธ ร้องมา และเหตุใด ไม่เชิญพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ มาชี้แจงเรื่องความเร็ว แต่เชิญนายสายประสิทธิ์ มาชี้แจง ถือเป็นความบกพร่องของการทำงาน สนช. เวลานั้น หรือไม่ และกรรมาธิการ สนช. อาจมีส่วนรู้เห็นในคดีนี้หรือไม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าในเอกสารายงานการประชุม กรรมิการ สนช. นั้น ได้มีการประชุมลับหัวข้อใดเพราะดูเหมือนว่าจะมีการหารือเรื่องความเร็วในช่วงนั้นพอดีและเอกสารช่วงนั้นหายไป 8 หน้า อีกทั้งเป็นการประชุมนัดสุดท้าย ก่อนที่จะส่งความเห็นไปยังอัยการ ซึ่งนายธานี ระบุว่า มีเวลาจำกัดในการทำงาน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]