“วิษณุ” แจงขั้นตอนแก้รัฐธรรมนูญ

ทำเนียบฯ 6 ส.ค.-“วิษณุ” แจงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มี 2 วิธี คือการแก้ไขรายมาตรา กับการแก้ไขเป็นหมวด ที่ต้องทำประชามติ เผยหากทำประชามติ กกต.ต้องไปยกร่างกฎหมายประชามติก่อน ระบุรัฐบาลมีธงแก้รัฐธรรมนูญเพราะพบปัญหาในการบริหารงาน


นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่หากต้องมีการทำประชามติจะต้องเสียงบประมาณกว่า 3 พันล้านบาท ว่า หากต้องมีการทำประชามติก็จะต้องใช้งบประมาณดังกล่าวเทียบเท่ากับการเลือกตั้ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกแก้รัฐธรรมนูญในแบบไหน ซึ่งมี 2 วิธี ๆ ที่ 1 คือ การแก้ไขรายมาตรา หรือ วิธีที่ 2 คือ การแก้ไขเป็นหมวด อาทิ หมวด 1 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับหมวดทั่วไป หมวด 2 เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ หรือ หมวด 15 เกี่ยวกับวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงคุณสมบัติต้องห้าม องค์กรอิสระ ซึ่งการแก้ไขส่วนเหล่านี้จะต้องทำประชามติ ซึ่งอาจมีความยุ่งยากและใช้เวลา

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากมีการทำประชามติ ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องจัดหางบประมาณ และต้องจัดทำกฎหมายประชามติ เพราะปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายดังกล่าว ที่ผ่านมาเคยออกกฎหมายเกี่ยวกับทำประชามติมาแล้ว แต่ครั้งนั้นเป็นการออกตามรัฐธรรมนูญฉบับก่อนและยกเลิกไป เพราะเมื่อรัฐธรรมนูญเปลี่ยน กฎหมายการลงประชามติก็ใช้ไม่ได้


นายวิษณุ กล่าวว่า กกต.เคยส่งร่างกฎหมายประชามติ มายังรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 1 เมื่อปี 2562 ซึ่งรัฐบาลเตรียมที่จะเสนอสู่รัฐสภา แต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หมดวาระ และเปลี่ยนรัฐบาล กกต.จึงขอนำร่างกฎหมายประชามติไปปรับปรุง จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ส่งกลับมา แต่ตนได้รื้อดูกฎหมายประชามติเก่า ว่าจะสามารถนำกลับมาใช้ได้หรือไม่ พบว่าไม่ได้ เนื่องจากติดล็อคกับรัฐธรรมนูญอื่น ซึ่งหลังจากนี้ กกต.จะเป็นผู้ดำเนินการ และก็ต้องปรับปรุงจากบทเรียนที่พบในการทำประชามติที่ผ่านมา

นายวิษณุ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มี 2 ทางเลือกดังกล่าว ซึ่งข้อเสนอให้แก้ไขมาตรา 256 ก็คือการแก้หมวด 15 ซึ่งอยู่ในวิธีที่ 2 ตนไม่ขอตอบว่าการทำประชามติโดยใช้งบประมาณกว่า 3 พันล้านบาท จะคุ้มค่าหรือไม่ เพราะหากมีความจำเป็นต้องแก้ไข ก็ต้องคุ้ม เหมือนกับที่ฝ่ายค้านให้ความเห็นว่า หากมีเหตุผลที่ต้องเสีย มีความจำเป็นก็ต้องทำ แต่อีกฝ่ายหนึ่ง มองว่าเป็นการสิ้นเปลืองเงินในยุคนี้ หากไม่จำเป็นจริง ๆ และไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่นำไปสู่การทำประชามติ ไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียว เพราะหากมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เมื่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ ก็ต้องนำไปลงประชามติอีกครั้ง

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวทางของการแก้รัฐธรรมนูญ ของคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 สภาผู้แทนราษฎร ที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธานยังไม่เสร็จเรียบร้อย ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้พูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าอยู่ระหว่างรอข้อเสนอให้ส่งมาว่าจะแก้ไขรายมาตรา หรือแก้ไขทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลมีความคิดอยู่แล้วว่าจะทำอะไร แต่ขอรอฟังเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ขณะนี้เท่าที่ทราบฝ่ายค้านคิดจะแก้อย่างหนึ่ง รัฐบาลคิดจะแก้อีกอย่างหนึ่ง และพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้คิดตรงกัน ขณะที่ ส.ว.ก็คิดจะแก้ไขเช่นกัน


“ เมื่อเข้าสู่สภา ต้องใช้ 2 สภา ส.ส.บวก ส.ว.ประมาณ 750 คน การโหวตจะต้องได้รับคะแนนเสียงเกินครึ่งถึงจะผ่าน คือ 375 เสียง ซึ่งเป็นการลงคะแนนแบบเปิดเผย และการนับคะแนน เสียงของ ส.ว.250 ต้องมีเสียงเห็นชอบกับแก้รัฐธรรมนูญเข้ามาด้วย 1 ใน 3 หรือประมาณ 80 เสียง และหากเข้าสู่วาระ 3 ก็จะย้อนไปนับเสียงของฝ่ายค้านต้องมีเสียงเห็นชอบด้วย และหากได้ข้อสรุปว่าจะแก้ในรูปแบบไหน เป็นวิธี 1 ก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่หากเป็นวิธีที่ 2 ก็จะต้องไปทำประชามติ ซึ่งต้องตกลงกันให้เข้าใจก่อน ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาในสภา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือว่าจะแก้ในรูปแบบใด” นายวิษณุ กล่าว

นายวิษณุ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องยึดข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ ชุดของนายพีระพันธุ์ทั้งหมด แต่หากถามใจรัฐบาลมีธงอยู่แล้วว่าจะแก้อะไร เพราะเมื่อบริหารงานมาตั้งแต่ปี 60 ก็พบปัญหา พรรคร่วมรัฐบาลก็เห็นปัญหาตรงกัน โดยเฉพาะ ม.144 เพราะไปเปลี่ยนอำนาจ ส.ส.ในการพิจารณางบประมาณ ซึ่งเชื่อว่าหากจะแก้มาตรานี้ก็จะมีเสียงเห็นชอบอย่างท่วมท้น

เมื่อถามว่าการตั้ง สสร.นั่นหมายถึงการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญหมวด 15 ไม่ได้พูดถึง สสร. ดังนั้นการตั้งสสร.เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ คือ เท่ากับไปแก้ ม.256 ในหมวด 15 แต่หากมีการแก้แค่บทเฉพาะกาล ก็ไม่ต้องนำไปสู่การทำประชามติ อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่เคยพูดว่าไม่ต้องการให้มีการตั้ง สสร.

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิด เพราะยังไม่รู้จะรับมือในเรื่องใด ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการรับฟัง และใช้ความเห็นจากพรรคร่วมรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งคิดว่าจะมีการพิจารณากันในสมัยประชุมหน้า เพราะสมัยประชุมนี้เหลือระยะเวลาอีก 1 เดือน ซึ่งเป็นการประชุมร่วม และต้องใช้เวลาในการพิจารณางบประมาณและอีกหลายเรื่อง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม RBC ระดับเลขาฯ ไม่ยกเลิก หลังมีข่าวส่อแววล่ม

สระแก้ว 21 ส.ค.- ไม่ล่ม! การประชุม RBC ระดับเลขานุการ ยังไม่ยกเลิก กระบวนการหารือยังคงดำเนินต่อไป แม้ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวส่อล่ม เนื่องจากฝ่ายกัมพูชายังไม่เดินทางมาเข้าร่วม ภายหลังการประชุม คณะกรรมการร่วมชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 หลายฝ่ายจับตาไปที่การประชุมของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) แต่ปรากฏว่าวันนี้ เมื่อถึงเวลาประชุม RBC ระดับเลขานุการ ทางฝ่ายกัมพูชายังไม่ได้เดินทางมา บรรยากาศที่สโมสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 จ.สระแก้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย – กัมพูชา (RBC) สมัยวิสามัญ ซึ่งตามกำหนดในเวลา 14.00 น. จะมีการประชุม กองทัพภาคที่ 1 นำโดย พลตรี สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เป็นประธานคณะทำงาน ฝ่ายไทย ขณะกัมพูชา นำโดย พลโท ซอ […]

ล่า 18 วัน รวบแล้วมือยิง “กำนันเล้น”

ตรัง 21 ส.ค.- เหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามเอ็ม 16 ยิงถล่มกำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตคารถ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้ตำรวจรวบตัวคนร้ายได้แล้ว หลังหนีกบดานนานถึง 18 วัน พร้อมเตรียมสอบสวนหามูลเหตุจูงใจ ติดตามจากรายงาน -สำนักข่าวไทย

เสริมเขี้ยวเล็บ! ทัพเรือรับมอบปืนใหญ่ ระยะยิง 40 กม.

ชลบุรี 21 ส.ค.- กองทัพเรือเสริมเขี้ยวเล็บ! รับมอบปืนใหญ่ 155 มิลลิเมตร แบบอัตตาจร ระยะยิง 40 กม. เพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันและรักษาอำนาจอธิปไตยของประเทศ วันนี้ 21 ส.ค.68 ที่หน้ากองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ) รับมอบปืนใหญ่ ขนาด 155 มิลลิเมตร แบบอัตราจรล้อยาง จากศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์อุตสหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร จำนวน 6 กระบอก โดยมี พลเรือโท ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล รองเสนาธิการทหารเรือและประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาปืนใหญ่ฯ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนข้าราชการ กำลังพล เข้าร่วมในพิธี  การดำเนินโครงการจัดหาปืนใหญ่ ขนาด 155 มิลลิเมตร แบบอัตตาจร ล้อยาง (ATMG) นับเป็นการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างกำลังรบหลักของ ทร. เพื่อให้ […]

แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งเมียนมา เกิดจากรอยเลื่อนสะกาย ย้ำ กทม.ไม่กระทบโครงสร้าง

กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – กรมทรัพยากรธรณี เผยเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 5.4 ความลึก 10 กม. เกิดจากการเคลื่อนตัวแนวระนาบของรอยเลื่อนสะกาย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของเมียนมา ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 500 กม. ด้านสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ เตือนอย่าตื่นตระหนก คนกรุงบนตึกสูงรู้สึกสั่น แต่ไม่กระทบโครงสร้าง กรมทรัพยากรธรณีชี้แจงกรณีแผ่นดินไหวขนาด 5.4 ความลึก 10 กิโลเมตร เมื่อเวลา 09.58 น. ตามเวลาประเทศไทย บริเวณนอกชายฝั่งตอนใต้ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 500 กิโลเมตร การตรวจสอบพบว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดจากการเคลื่อนตัวของ “รอยเลื่อนสะกาย” แนวระนาบเหลื่อมขวา (right-lateral strike-slip fault) ซึ่งมีอัตราการเคลื่อนที่เฉลี่ยปีละ 2 เซนติเมตร รอยเลื่อนนี้เคยสร้างแผ่นดินไหวใหญ่หลายครั้ง อาทิ ปี 2473 ขนาด 7.3 มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 คน และเมื่อ 28 […]