กรุงเทพฯ 12 ส.ค. – นายกรัฐมนตรีขอบคุณสถาบันการเงินเฉพาะกิจ- สมาคมธนาคารไทย ดูแลลูกหนี้ให้ปรับตัวได้ตามสถานการณ์ดอกเบี้ย หนุนความต่อเนื่องการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
วันที่ 11 ส.ค. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ไปเป็น 0.75% ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรในรอบกว่า 3 ปี เพื่อดูแลภาวะเงินเฟ้อในประเทศ จากนั้นสถาบันการเงินหลายแห่งทั้งสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และธนาคารสมาชิกของสมาคมธนาคารไทย ได้มีแนวทางที่จะดูแลลูกค้าสินเชื่อทั้งในรูปแบบการตรึงดอกเบี้ย หรือการพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามศักยภาพของกลุ่มลูกค้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ขอบคุณสถาบันการเงินทุกแห่ง ที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการดูแลประชาชน ให้ช่วงการเปลี่ยนผ่านนโยบายให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจเป็นไปอย่างราบรื่น และประชาชนปรับตัวตามสถานการณ์ดอกเบี้ยได้
ทั้งนี้ ในระยะที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้มีข้อห่วงใยและให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหาหนี้ครัวเรือนและหนี้ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้ปรับตัวขึ้นโดยเฉพาะช่วงวิกฤติโควิด-19 จึงได้มอบหมายหน่วยงานเกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ออกมาตรการช่วยเหลือผ่านกลไกของธนาคารเฉพาะกิจและธนาคารพาณิชย์ แต่ในขณะนี้ที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลให้ทุกภาคส่วนร่วมดูแลให้การฟื้นตัวดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เศรษฐกลับมาเติบโตตามศักยภาพโดยเร็วที่สุด
“เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงการฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด-19 เช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลก โดยนายกรัฐมนตรีให้นโยบายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดูแลความสมดุลทางเศรษฐกิจให้มากที่สุด คือสามารถฟื้นตัวได้ เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงเสถียรภาพในภาคต่างประเทศ ซึ่งการที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจและสมาคมธนาคารได้ประกาศแนวทางดูแลลูกค้าสินเชื่อล่าสุดออกมา นายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณที่ได้ร่วมกับรัฐบาลในการดูแลประชาชนและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในครั้งนี้” น.ส.ไตรศุลี กล่าว .-สำนักข่าวไทย