ทำเนียบ 9 ส.ค.- นายกฯ หารือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย พร้อมสานต่อและขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในทุกมิติ
ดาโตะ ซรี ไซฟุดดิน อับดุลละฮ์ (The Honourable Dato’ Sri Saifuddin Abdullah) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับ พร้อมได้กล่าวฝากความระลึกถึงนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยยินดีที่ความร่วมมือระหว่างไทย-มาเลเซียมีพลวัตมากขึ้น ภายหลังที่นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได้หารือกันเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งมีหลายประเด็นได้นำไปสู่การปฏิบัติแล้ว พร้อมหวังว่าความร่วมมือระหว่างกันในด้านอื่น ๆ จะได้รับการขับเคลื่อน เห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรมเช่นเดียวกัน ซึ่งการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) และการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสาหรับพื้นที่ชายแดน (JDS) ระดับรัฐมนตรี ที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้เป็นโอกาสดีที่ไทยและมาเลเซียจะได้ติดตามพัฒนาการความร่วมมือ เพื่อร่วมกันผลักดันประเด็นที่ยังคั่งค้าง และเสนอแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศและประชาชน
สำหรับการประชุมประจำปีระดับนายกรัฐมนตรี (Annual Consultation) ครั้งที่ 7 นายกรัฐมนตรียินดีและพร้อมเข้าร่วมการประชุม โดยหวังว่าการประชุม JC และ JDS ในวันพรุ่งนี้ สามารถนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และมีความคืบหน้า เพื่อที่เมื่อนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศพบกันจะได้ร่วมกันปรึกษาหารือ เพื่อจะได้ขยายความร่วมมือได้อีก
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวนำความระลึกถึงจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซียมายังนายกรัฐมนตรีด้วย เช้าที่ผ่านมาได้หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยในหลายประเด็น และในวันพรุ่งนี้จะเข้าร่วมประชุม JC และ JDS ซึ่งไม่ได้มีการจัดการประชุมมาหลายปี โดยรัฐมนตรีต่างประเทศฯ ได้ยืนยันความพร้อมที่จะร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะภายหลังสถานการณ์โควิด-19
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า รัฐบาลให้การดูแลประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา การสร้างงาน และสร้างอาชีพ ซึ่งคาดว่าจะตรงกับนโยบายของรัฐบาลมาเลเซีย พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะดำเนินการให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไป และหวังว่ารัฐบาลมาเลเซียจะสนับสนุนความพยายามของไทยอย่างต่อเนื่อง ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่ารัฐบาลมาเลเซียมุ่งมั่นที่จะสานต่อบทบาทในการหาทางแก้ไขปัญหาเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืน
ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะแลกเปลี่ยนความร่วมมือในด้านการฝึกทักษะแรงงาน (technical training) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เช่น ด้านไฟฟ้า ยานยนต์ เพื่อเป็นการต่อยอดอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศและหวังที่จะเดินหน้าความร่วมมือ ลดอุปสรรคและอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการค้าระหว่างกันที่ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยมีนโยบาย Thailand+1 ที่จะเป็นห่วงโซ่สำคัญในอนุภูมิภาคและภูมิภาค เพื่อความยั่งยืนและยืดหยุ่น ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศฯ ยินดีที่กว่าร้อยละ 50 ของการค้าการลงทุนเกิดขึ้นที่บริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ ซึ่งส่งเสริมให้บรรยากาศการค้าและการท่องเที่ยวในพื้นที่ชายแดนกลับมามีชีวิตชีวา จึงหวังว่าไทยและมาเลเซียร่วมมือกันเพื่อหาแนวทางที่ดำรงไว้ซึ่งความสงบสุขถาวร
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวเชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างไทยกับมาเลเซีย จะสามารถนำพาทั้งสองประเทศให้เติบโต ประชาชนกินดีอยู่ดี และมีความมั่นคง มีภูมิต้านทาน ในการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต .-สำนักข่าวไทย