ทำเนียบ 30 ก.ค.- นายกฯ ชวนชิมกาแฟ “โรบัสต้า สะบ้าย้อย” หอม กลมกล่อม ไม่เปรี้ยว ผลงานรัฐบาลส่งเสริมอาชีพชาวจังหวัดชายแดนใต้ เตรียมดันขึ้น GI ชาวบ้านในพื้นที่ให้ความสนใจ
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อติดตามการขับเคลื่อนนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องการส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ปลูกกาแฟ เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ประชาชนเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองกำลังทหารพัฒนา ได้ร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนากาแฟโรบัสต้า ที่ปัจจุบันถือเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง ที่เกษตรกรในพื้นที่นิยมปลูกกันมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเบตง อำเภอธารโต จังหวัดยะลา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา
นางสาวรัชดา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย ได้พบกับนายจีรวัฒน์ นุ่นศรี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรผสมผสานรักบ้านเกิด ตำบลเขาแดง อ. สะบ้าย้อย ซึ่งเล่าว่า ประชาชนที่นี่มีความสุขและมีความหวังจากโครงการส่งเสริมการปลูกกาแฟเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว ทุกคนยังรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่ความโดดเด่นของพื้นที่ ทั้งนี้ นายจีรวัฒน์ ฝากขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้การส่งเสริมการสร้างอาชีพและสร้างรายได้ นำไปสู่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริง อีกทั้งยังได้ฝากกาแฟโรบัสต้า อ.สะบ้าย้อย ให้นายกฯได้ชิมด้วย ซึ่งกาแฟของสะบ้าย้อยมีความโดดเด่นในเรื่องรสชาติ สืบสายพันธุ์ดั้งเดิมที่มีอายุมากกว่า 300 ปี ต้นขึ้นอยู่ริมเชิงเขาบริเวณถ้ำคอก ซึ่งสถานที่นี้เคยเป็นที่นั่งวิปัสสนากรรมฐานของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เมื่อครั้งเดินทางไปธุดงค์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ขณะนี้ภาครัฐได้ให้การสนับสนุนการขยายสายพันธุ์ “โรบัสต้ายอดดำ” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นของตำบลเขาแดง และมีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Identification: GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ในปีหน้า และจะยกระดับสู่สากลต่อไป
“นายกรัฐมนตรีได้ชิมกาแฟแล้ว ท่านบอกอร่อยมาก ชอบ หอม ไม่เปรี้ยว ไม่ขมมาก กลมกล่อม อยากให้คอกาแฟลองชิมกัน จะได้ช่วยประชาสัมพันธ์ของดีๆประจำถิ่น ประเทศไทยมีของดีเยอะ เราต้องช่วยกันบอกต่อ ของจะได้ขายดี ชาวบ้านมีรายได้เพิ่ม และทุกภาคส่วน รัฐ-ประชาชน-เอกชนร่วมมือกัน ของพื้นถิ่นสามารถไปไกลสู่ตลาดต่างชาติได้แน่นอน” นางสาวรัชดา กล่าว .-สำนักข่าวไทย