กรุงเทพฯ 24 ก.ค. – นักวิชาการ เชื่อ นายกฯ ไม่ปรับ ครม. ชี้ยิ่งปรับยิ่งเพิ่มการต่อรอง แต่อาจปรับยุทธศาสตร์ หลัง มท.1 คะแนนตก
รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า สิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นคือการลงคะแนนเสียงของ ส.ส. กลุ่มสมุทรปราการ จากพรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ซึ่งหากมองในช่วงที่ผ่านมา เป็นเรื่องปกติของรัฐบาลผสม เนื่องจากเมื่อไหร่ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะเกิดการต่อรองขึ้นทั้งภายในและภายนอกตลอดเวลา การต่อรองภายนอกคือเกิดระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนการต่อรองภายในจะเป็นการต่อรองภายในพรรคที่เป็นแกนหลักของรัฐบาลผสม เพราะแม้พรรคเศรษฐกิจไทยจะแตกตัวออกไปจากพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังมีอีกหลายกลุ่มในพรรคพลังประชารัฐที่ยังไม่ได้รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีเลยเช่นกลุ่ม ส.ส. สมุทรปราการ เพราะมี ส.ส. อยู่จำนวนไม่น้อย 5-6 คน ดังนั้นการเคลื่อนไหวเพื่อต่อรองตำแหน่งหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงเป็นภาพที่เกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตามโอกาสที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อสลับสับเปลี่ยนไม่น่าจะเกิดขึ้นได้โดยง่าย เพราะก่อนหน้านี้เก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่างก็ยังไม่มีการแต่งตั้งเพิ่มเติมมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว และยิ่งช่วงนี้โอกาสที่รัฐบาลจะมีผลกระทบทางการเมืองก็น้อย สถานการณ์ค่อนข้างนิ่งมีเสถียรภาพจึงเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะไม่ตัดสินใจที่จะปรับคณะรัฐมนตรีเวลานี้ เพราะหากปรับในตอนนี้จะเกิดความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ อีกหลายกลุ่ม ทั้งภายในพรรคพลังประชารัฐเองหรือพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ซึ่งมีพรรคเล็กอีกหลายพรรคที่ต้องการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีเช่นกัน
รศ.ดร.ยุทธพร เชื่อว่า รัฐบาลอาจปรับยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อน เตรียมเข้าสู่สนามเลือกตั้งมากกว่า เพราะจะเห็นได้ว่าคะแนนของกลุ่มสามป. ไม่เท่ากัน โดยพลเอกอนุพงษ์ได้คะแนนไม่ไว้วางใจมากที่สุด และแต่ละคนทิ้งห่างกันพอสมควร ด้านนายกรัฐมนตรีก็ปรากฏชื่ออยู่ในกลุ่มคะแนนค่อนข้างสูง แต่ชื่อของพลเอกอนุพงษ์ จะยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทต่อไปในเวลานี้ แต่อาจมีการปรับยุทธศาสตร์ในการเมืองของกลุ่มสาม ป. ซึ่งถือเป็นแกนหลักของรัฐบาลชุดนี้ และเชื่อว่าจากนี้น่าจะให้ความสำคัญกับ ส.ส. มากขึ้น เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้าจะใช้บัตรสองใบ ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ ต้องอาศัยฐานสนับสนุนจากเสียงในพื้นที่ โดยเฉพาะรัฐมนตรีมหาดไทยที่เป็นกระทรวงที่มีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้นความเกี่ยวข้องเครือข่ายทางคะแนนเสียงการเลือกตั้งจะมีสูง จึงต้องมีการปรับยุทธศาสตร์.-สำนักข่าวไทย