ประเดิมซักฟอกจี้พรรคร่วมฯ ถอนตัวเป็นนั่งร้าน

รัฐสภา 19 ก.ค.-ผู้นำฝ่ายค้านประเดิมอ่านญัตติซักฟอกวันแรก ชี้ 8 ปี “พล.อ.ประยุทธ์” ไร้ความสามารถ เป็นยุคแห่งการก่อหนี้ จี้ให้ยอมรับความผิดพลาด เรียกร้องพรรคร่วมรัฐบาลเลิกเป็นนั่งร้าน หันมาลงมติไม่ไว้วางใจร่วมฝ่ายค้าน


การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยมีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เมื่อเริ่มเข้าสู่ระเบียบวาระ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แถลงเหตุผลของญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ตลอด 8 ปีที่บริหารราชการแผ่นดิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมผิดพลาด ล้มเหลว ไม่สามารถแก้ป้ญหาต่าง ๆ ให้ประเทศได้ กลับกลายเป็นต้นตอให้ปัญหาที่มีอยู่มีความซับซ้อน ขยายวงกว้างรุนแรงยิ่งขึ้นทุกมิติ ประชาชนในชาติแบ่งฝ่ายกันมากขึ้น มีการทุจริตคอร์รัปชันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรั้งท้าย มาจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต

“ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้ความสามารถ ไร้จิตสำนึก ขาดภาวะความเป็นผู้นำ หัวหน้ารัฐบาล มีความพิการทางความคิด ยึดติดอำนาจ ทำให้การบริหารราชการล้มเหลวผิดพลาดบกพร่อง ไม่ประพฤติปล่อยปละละเลยให้บุคคลแวดล้อม และพวกพ้องของตน แสวงหาผลประโยชน์บนความทุกข์ยากของประชาชน ใช้จ่ายงบประมาณโดยไม่นึกถึงวินัยการเงินการคลัง มุ่งก่อหนี้เพื่อแสวงหาความนิยมทางการเมือง จนเรียกได้ว่าเป็นยุคแห่งการก่อหนี้มหาศาล เพื่อนำมาผลาญ โดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศและประชาชน จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่ออำนาจและกฎหมาย ขาดจิตสำนึกในหลักการประชาธิปไตย มุ่งใช้กฎหมายเป็นครื่องมือทางการเมือง ใช้เงินต่อรองผลประโยชน์เพื่อความอยู่รอดทางการเมืองของตนเอง อันเป็นการกระทำที่เป็นการทำลายระบบรัฐสภา และหลักการของระบอบประชาธิปไตย จนทำให้ระบบรัฐสภาตกต่ำสั่นคลอน กลไกระบบรัฐสภาเสียหาย จากเหตุผลทั้งหมดก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างใหญ่หลวง ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า หากปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีดังกล่าวบริหารประเทศต่อไป ย่อมนำมาซึ่งความเสียหายต่อประเทศและประชาชน จนยากที่จะเยียวยาแก้ไขได้” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว


นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จะเห็นว่า 8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์และพวกพ้อง ได้กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า สร้างความเดือดร้อนเสียหายให้พี่น้องประชาชน เพียงเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการอยู่ในอำนาจ ล้มล้างคู่แข่งทางการเมือง 8 ปีที่ผ่านมา ถ้า พล.อ.ประยุทธ์มีภาวะผู้นำที่แท้จริง จะออกมาประกาศยอมรับว่า ความผิดพลาดล้มเหลวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เกิดจากตัวท่านคนเดียว และท่านจะต้องประกาศให้โลกนี้รู้ว่า ท่านเองไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ แต่เสียดายที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ทำสิ่งนี้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์สำนึก รู้ดี รู้ชั่ว เห็นแก่ประเทศชาติ ออกมายอมรับตรง ๆ เชื่อว่า ประเทศและการทำหน้าที่ในสภาฯ จะเข้าสู่ภาวะปกติ ทุกคนจะมีความหวัง

“แต่ 8 ปีที่ผ่านมา บ่งชี้ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีจิตสำนึก ไม่มีความรับผิดชอบ คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว อีกทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ได้กระทำการโดยให้พรรคร่วมรัฐบาลเข้ามีส่วนร่วม เป็นนั่งร้านสนับสนุนท่านให้มีอำนาจต่อไป นั่งร้านที่เกิดขึ้นขณะนี้ เปรียบเสมือนเห็บเหาปรสิตร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่คอยสูบเลือดประเทศและประชาชน เพื่อความอิ่มเอมของตนเองและพวกพ้อง สิ่งเหล่านี้จะต้องถูกกำจัดออกไป ถ้านั่งร้านเหล่านี้เกิดจิตสำนึกที่ดี เห็นแก่ประเทศชาติ ช่วยกันลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะหมดเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้าท่านไม่มีจิตสำนึกที่จะบอกกับประชาชนว่าท่านพอแล้ว และนั่งร้านไม่ลงคะแนนไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ถึงเวลาจริง ๆ ที่ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่เด็ดหัวสอยนั่งร้าน ไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ และพวกพ้อง โดยเฉพาะรัฐมนตรี 10 คน ให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป ทั้งหมดจะต้องไปสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อนำคนทำผิดมาลงโทษ จะต้องมีการตัดวงจรเห็บเหาปรสิตที่คอยสูบเลือดประเทศ และประชาชนออกไป” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะขอใช้เวลาทั้งสิ้น 4 วัน 45 ชม. อย่างคุ้มค่าทุกวินาที เพื่อหยุดสิ่งเลวร้ายเหล่านี้ หยุดการทำลายชาติ เพื่อชี้ให้สภาฯ แห่งนี้เห็นถึงภัยร้ายที่เกิดขึ้นมาตลอด 8 ปี หวังว่าสิ่งที่พวกเราได้ทุ่มเททำงานอย่างหนักหน่วงเพื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ จะทำให้ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลได้ตระหนักถึงความจริงที่ว่านั่งร้าน ที่พวกท่านพยายามค้อมหัวยอมเป็นให้กับรัฐบาลนี้ ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างใหญ่หลวง และถึงเวลาแล้ว ที่พวกเราจะร่วมมือกันยุติความเสียหายเหล่านี้ และเริ่มต้นใหม่กับรัฐบาลที่มาจากเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง


“ขอขอบคุณกลุ่มราษฎรที่เปิดกล่องลงมติไม่ไว้วางใจเป็นมติมหาชน หากเห็นมติมหาชนจะเปลี่ยนใจมาลงมติไม่ไว้วางใจร่วมกับฝ่ายค้าน พล.อ.ประยุทธ์ และพวก มีที่มาไร้ความชอบธรรม เข้าสู่อำนาจด้วยการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากประชาชน นั่นคือการปล้นอำนาจของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ ผลักดันตนเองเข้ามาเป็นรัฐบาลเถื่อน ฉีกรัฐธรรมนูญกฎหมายสูงสุดของประเทศ และยังรักษาอำนาจด้วย กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญที่น่าอดสูใจอย่างยิ่ง เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างกองกำลังในสภาให้ซ้ายหันขวาหัน โหวตรักษาอำนาจให้ตนได้ตามอำเภอใจ จนรัฐบาลเถื่อนของตนนั้นอยู่รอด สร้างความล่มสลายให้ประเทศต่อเนื่องยาวนานเกือบ 8 ปี” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยอมรับเถิดว่ารัฐธรรมนูญปี 60 ที่เกิดจากนิติบริกรที่ พล.อ.ประยุทธ์เลือกเข้ามาจัดทำรัฐธรรมนูญจนได้ดั่งใจนั้น เป็นรัฐธรรมนูญที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ ดึงประเทศถอยหลังนับสิบ ๆ ปี และเป็นมะเร็งร้ายบ่อนทำลายระบอบการเมืองไทย ทำลายประเทศและอนาคตของลูกหลานของเราทั้งหมด เป็นเพียงเพราะความอยากอยู่ต่อในอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์อย่างไร้สำนึก ไร้ความชอบธรรม โดยไม่ใส่ใจต่อความพินาศของเศรษฐกิจสังคมเท่านั้นเอง เป็นผู้นำไร้ความสามารถ ผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์ ใช้ปากบริหารประเทศ เพราะชีวิตของ พล.อ.ประยุทธ์อาจรู้จักแต่กองกำลังในค่ายทหาร จึงมักคัดเลือกบุคลากรที่คุ้นเคยเหล่านี้เข้ามาทำงานในด้านต่าง ๆ แบบผิดฝาผิดตัว เป็นผู้นำที่สร้างความพินาศ ล้มเหลวให้กับประเทศ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สาธารณสุข การเมือง คอร์รัปชันจนระบบประเทศพังพินาศล้มเหลว

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ภาพการพิจารณางบประมาณ ปี 2566 เห็นชัดเจนว่าช่วงใกล้เลือกตั้งจัดงบกระจุกตัว จัดให้แต่ฝ่ายตนเองและพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเห็นได้ชัด การลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชนที่จะต้องได้รับความยุติธรรม แต่กลับจับติดคุกทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษา บังคับใช้กฎหมายล้นเกิน ดึงสถาบันมาเป็นคู่ขัดแย้ง กล่าวหาคนเห็นต่างไม่จงรักภักดี ทั้งที่จริงตัวท่านเองแอบอิงใช้ประโยชน์เพื่อต้องการอยู่ในอำนาจ การสถาปนาสภาฯ กล้วย จงใจเป็นปฏิปักษ์ทำลายระบบรัฐสภาและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เรื่องนี้ถึงศาลแน่นอน อีกทั้งยังครอบงำชี้นำพรรคการเมืองที่สมยอมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก้าวก่ายแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติสั่งการสูตรคำนวณ ส.ส.หาร 500 มีการต่อรองทางการเมืองมากมาย เพื่อทำงานพรรคการเมืองคู่แข่งให้การยึดอำนาจมาไม่เสียของ

“เหมือนจับหนูตัวเดียวแต่เผาบ้านตัวเอง ตนยังเชื่อมั่นศาลรัฐธรรมนูญ พรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ส. ท่านใช้วิธีการแบบนี้พรรคกลางและพรรคเล็กตายหมด ผมแนะนำยังมีเวลาไปใช้ศาลรัฐธรรมนูญทักท้วงว่าการแก้ไขมาตรา 23 ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ถึงศาลแน่และจะมีใครบางคนถูกสอย เสียงในสภาฯ ไม่ชนะศรัทธาประชาชนแน่นอน คนดูถูกอำนาจประชาชนจะถูกสั่งสอนในสนามเลือกตั้ง ผมขอร้องเพื่อนสมาชิก เรามาจากประชาชนต้องคำนึงถึงความต้องการของประชาชน เพื่อประเทศชาติและบ้านเมือง ผมหวังว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพวกเราจะได้มาเจอกัน ณ แห่งนี้ และหวังว่าคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ควรจะไปจากสภาฯ แห่งนี้ เพราะท่านไม่เคยให้เกียรติสภาฯ แห่งนี้ ไปได้แล้วครับ ท่านอย่าอยู่เพื่อเป็น 608 ทำลายประเทศชาติ” นพ.ชลน่าน กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จภายในเที่ยงคืนนี้

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค. – รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จสิ้นภายในเที่ยงคืนนี้ ด้าน พฐ.ร่วมตรวจหาสาเหตุตกรางกับนายช่างรถไฟ สันนิษฐานเบื้องต้นนอตล็อกประแจสับรางหลุด ส่วนผู้บาดเจ็บ 10 ราย ออกจาก รพ.แล้ว ความคืบหน้าเหตุรถไฟขบวนด่วนพิเศษ สุไหงโก-ลก ปาดังเบซาร์ ปลายทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ประสบอุบัติเหตุตกราง ก่อนถึงสถานีรถไฟกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 100 เมตร เหตุเกิดเมื่อช่วงตี 5 วันนี้ โดยตู้โดยสารที่เกิดเหตุคือ 3 ตู้สุดท้าย 10-12 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 10 คน นำส่งโรงพยาบาลกุยบุรี ผู้โดยสารตู้ที่ตกราง เจ้าหน้าที่จัดรถบัสนำส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ส่วนตู้โดยสารที่ไม่ตกราง เดินทางต่อจนถึงสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ล่าสุดตำรวจ สภ.กุยบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจหาสาเหตุรถไฟตกราง ร่วมกับนายช่างวิศวกรของการรถไฟฯ อีกครั้ง จากการตรวจสอบสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากนอตยึดอุปกรณ์ประแจตัวสับรางหลุด ขณะที่ขบวนรถไฟวิ่งผ่านไปแล้ว 9 ตู้ เหลือ 3 ตู้สุดท้าย ทำให้ไม่สามารถบังคับให้วิ่งตามไปด้วยกันได้ จึงถูกกระชากหลุดด้วยแรงเฉื่อยของความเร็วรถไฟแล้วตกจากราง หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ […]

“บุ๋ม” รับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ หลวงพ่อวราห์ แจกทหารชายแดน

9 ส.ค. – “บุ๋ม ปนัดดา” เริ่มภารกิจโฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. วันแรก เข้ารับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ จากหลวงพ่อวราห์ นำไปมอบให้ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างขวัญกำลังใจแนวหน้า บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี โฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. ที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือบิ๊กเล็ก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้ง เข้าพบหลวงพ่อวราห์ พระเทพวชิระวิทยานุสิฐ วราห์ ปุญฺญวโร ตำนานผู้สร้างพญาครุฑ เพื่อรับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ ไปแจกให้ทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจทหารแนวหน้า บุ๋ม ปนัดดา กล่าวว่า ได้รับการประสานจากหลวงพ่อวราห์ ให้เข้ามารับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ นำไปมอบให้กับทหารชายแดน เพราะทหารต้องการขวัญและกำลังใจ ดังนั้น อะไรที่ทำให้ทหารอุ่นใจและมีกำลังใจก็จะทำให้ สำหรับผ้ายันต์หลวงพ่อวราห์ แห่งวัดโพธิ์ทอง บางมด กรุงเทพฯ ผ้ายันต์รุ่นบูชาครู จำนวน 2,000 ผืน และเหรียญครุฑ รุ่นเฉพาะกิจ จำนวน 2,000 เหรียญ ที่บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี […]

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]