รัฐสภา 7 ก.ค.-พรรคเพื่อไทย ย้ำ สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 ขัดรัฐธรรมนูญ จวกผลโหวตตามกระแสข่าวผู้มีอำนาจสั่งเบนเข็ม เตรียมร้องกกต.เอาผิดนายกฯ ฐานครอบงำพรรคการเมือง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค แถลงเกี่ยวกับมติของที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 500 ว่า เสียงข้างมากลงมติเห็นชอบกับกมธ.เสียงข้างน้อยและผู้ที่สงวนคำแปรญัตติให้ใช้วิธีคำนวณแบบจัดสรรปันส่วนผสมด้วยการหาร 500 ซึ่งเป็นระบบเดียวกับการเลือกตั้งปี 2562 ที่เห็นผลการเลือกตั้งในปัจจุบัน ซึ่งการทำหน้าที่ในสภาฯ ไม่เป็นไปตามกลไกรัฐธรรมนูญ จนได้รับขนานนามว่า เป็นสภากล้วย ขับเคลื่อนด้วยกล้วย ทั้งที่รัฐสภามีมติแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งให้เป็นระบบคู่ขนานเสียงข้างมาก คือ มีบัตร 2 ใบ เลือกเขตและบัญชีรายชื่อ
“ผู้ลงนามส่งคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมส่งเข้ามาในรัฐสภา กระทั่งพิจารณาจนจนชั้นกรรมาธิการฯ และวิปรัฐบาลก็เห็นชอบตามที่กรรมาธิการฯ พิจารณาคือ ไม่แก้ไข แต่กลับมาปรากฎการณ์ในวาระที่ 2 โดยมีรายงานข่าวจากสื่อมวลชนอิสระว่า มีการสั่งการให้หาร 500 จากทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ ข้อเท็จจริง ผมไม่ทราบ แต่นี่คือรายงานข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งก็พิสูจน์ได้จากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ว่าเป็นไปตามนั้นจริง ๆ” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การเปลี่ยนระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบแบบคู่ขนานเสียงข้างมาก ให้เป็นระบบจัดสรรปันส่วนผสมแบบบัตร 2 ใบนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยมีรายงานข่าวว่าเรื่องนี้เกิดจากการแลกเปลี่ยนกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยการโหวตให้และได้ประโยชน์จากสูตรหาร 500
“หากรายงานข่าวนี้เป็นจริง ถือว่าอัปยศที่สุด ถือเป็นการทำลายระบบรัฐสภาอย่างอัปยศ หากทำให้ตัวเองอยู่รอดเพื่อหวังเพียงแลกเปลี่ยน เสมือนผู้มีอำนาจท่านนี้ถูกบีบคอตลอด ขอต้องให้ ไม่ให้จะถอนตัว ถือเป็นการจงใจฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง รวมถึงไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ฉะนั้น หลังจากที่กฎหมายลูกฉบับนี้ผ่านวาระ 3 แล้ว จะถูกส่งไปศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา ป.ป.ช. โดยจะพิจารณายื่นร้องต่อกกต. เพื่อเอาผิดนายกรัฐมนตรีฐานครอบงำพรรคการเมือง” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์พรรคเพื่อไทย ระบุว่า การเลือกตั้งตามระบบใหม่นี้ แยกการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อออกจากกัน ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แบบละ 1 ใบ การคํานวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองเป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์กันโดยตรงกับคะแนนรวมในแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นได้รับ ไม่มีการนําจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่พรรคการเมืองได้รับมาพิจารณาว่าผลสุดท้ายพรรคการเมืองนั้นจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อเท่าใด ซึ่
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า ร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 4 ร่าง รวมทั้งร่างของคณะรัฐมนตรี เป็นร่างหลักในการพิจารณาในการแก้ไขมาตรา 128 ต่างก็เสนอวิธีการคํานวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมเหมือนกัน คือ ให้นําผลคะแนนรวมที่ทุกพรรคการเมืองได้รับจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อหารด้วย 100 แล้วนําผลลัพธ์ไปหารคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ ผลก็คือจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง โดยไม่คํานึงว่าพรรคการเมืองจะได้ ส.ส.แบ่งเขตเท่าใด ซึ่งคณะกรรมาธิการที่รัฐสภาตั้งก็เห็นชอบกับร่างที่แก้ไข มาตรา 128 โดยไม่แก้ไข
“แต่สองวันนี้มีข่าวมาตลอดว่า มีผู้มีอำนาจในรัฐบาลต้องการให้เปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้งกลับไปเป็นระบบจัดสรรปันส่วนผสม เพื่อสืบทอดอำนาจของตนต่อไป โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและข้อบังคับของรัฐสภา คำนึงแต่ความอยู่รอดและผลประโยชน์ทางการเมืองของตน วันนี้สมาชิกรัฐสภาจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในซีกรัฐบาลได้ใช้เสียงข้างมากจงใจกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 โดยลงมติแก้ไขมาตรา 128 ตามกรรมาธิการเสียงข้างน้อย เพื่อนําระบบจัดสรรปันส่วนผสมที่ถูกยกเลิกโดยรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2564 กลับมาใช้ การแก้ไขเช่นนี้ขัดมาตรา 91 แห่งรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2564 และข้อบังคับการประชุมรัฐสภาอย่างชัดเจน” แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย ระบุ.-สำนักข่าวไทย