หัวใจสำคัญให้ได้เป็น ส.ส. คือประชาชนเลือก

ทำเนียบรัฐบาล 6 ก.ค.-“ชัยวุฒิ” ปัด “นายกฯ-พล.อ.ประวิตร” ตั้งธงเคาะสูตร 500 หา ส.ส.ปาตี้ลิสต์ โยน กมธ.-วิปรัฐบาลคุยกัน บอกใช้สูตรไหนไม่สำคัญ จะได้เป็น ส.ส.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชน  


นายชัยวุฒิ ธนาคมาณุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงแนวโน้มพรรคร่วมรัฐบาลลงมติเลือกสูตรหาร 500 คำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าเริ่มจากมติของที่ประชุมกรรมาธิการกฎหมายลูกว่าจะให้หาร 100 เชื่อว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญและเป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง รวมถึงเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการแก้รัฐธรรมนูญ

“แต่ก็มีส.ส.และสมาชิกพรรคการเมืองที่เห็นต่างกันไป เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ มีผลต่อการเลือกตั้งและมีผลต่อชีวิตของนักการเมืองทุกคนว่าจะได้เป็นส.ส.หรือไม่ อยู่ตรงนี้ ซึ่งจะไปสั่งใครไม่ได้ เพราะทุกคนต้องเลือกแนวทางที่คิดว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุด  สุดท้ายเป็นการตัดสินใจของแต่ละพรรคที่ไปตัดสินใจกันเอง” นายชัยวุฒิ กล่าว


ส่วนที่มติวิปรัฐบาลออกมาอยากให้เป็นไปตามมติของกรรมาธิการฯ  นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่เคยพูดให้เลือกสูตรหาร 500 ตนย้ำตลอดว่าเป็นเรื่องของสภาฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็ไม่ได้พูดชัดเจนว่าจะเลือกแบบไหน ให้กรรมาธิการและ ส.ส.ไปคุยกัน ไม่ได้มีธงว่าจะเอาแบบไหน เป็นเรื่องที่กรรมาธิการ วิป และส.ส.พรรคการเมืองจะคุยกัน

ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีระบุว่าไม่ว่าจะหาร 100 หรือ 500 แม้ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยจะลดลง แต่จะไปเพิ่มในส่วนพรรคก้าวไกล ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วยังมากกว่าพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ยอมรับว่าสิ่งที่นายทักษิณพูดเป็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่าการเลือกตั้งคือการรับฟังเสียงของประชาชน ว่าประชาชนอยากให้ใครมาเป็นตัวแทนบริหารบ้านเมือง ซึ่งวิธีการเลือกตั้งเป็นเพียงส่วนหนึ่ง  แต่หัวใจสำคัญคือต้องสะท้อนความต้องการของประชาชนให้ได้ ซึ่งขณะนี้ถือว่าเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

“ไม่เกี่ยวกับวิธีเลือกตั้ง อยู่ที่กระแสนิยมของประชาชนที่จะสนับสนุนพรรคการเมืองใด วิธีการเป็นแค่กลไกหนึ่ง เพื่อทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม ทำให้เจตนารมณ์ของประชาชนสะท้อนไปที่สภาฯ ได้ ให้มีประชาธิปไตยที่แท้จริง จะหาร 100 หรือ 500 ก็ไม่มีผล จะบัตรใบเดียวหรือ 2 ใบ คนละเบอร์ ชาวบ้านก็เลือกถูกอยู่แล้ว ผมเคยผ่านมาทุกแบบ ชาวบ้านกาถูกหมด ไม่ต้องห่วง ถ้าเขาอยากเลือกเขาเลือกอยู่แล้ว ถ้าเขาไม่อยากเลือกยังไงก็ไม่เลือก” นายชัยวุฒิ กล่าว


เมื่อถามาการหาร 100 หรือหาร 500 ที่ยังขัดแย้งกันเองในรัฐธรรมนูญ ต้องให้ศาลชี้ขาดหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พูดไม่ได้ ต้องให้ศาลตัดสิน เป็นอำนาจของศาล อย่าเพิ่งไปพูด พูดไปก็ไม่จบ คงมีคนส่งให้ศาลวินิจฉัย

ส่วนถ้ายื่นเรื่องต่อศาลจะทำให้การไทม์ไลน์การเลือกตั้งเลื่อนไปถึงปีหน้า ทำให้รัฐบาลอยู่จนครบวาระหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบ รอให้ถึงเวลาก่อน ยังไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อ ส่วนมั่นใจว่าชนะหรือไม่อยู่ที่ประชาชน หากคะแนนนิยมไม่ดีก็ไม่ชนะ หากกระแสนิยมดีจะหารอย่างไรก็ชนะ.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,0000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง