รัฐสภาถกวุ่นเกณฑ์แต่งตั้งโยกย้าย ตร.

รัฐสภา 5 ก.ค.-รัฐสภา ถกร่าง พ.ร.บ.ตำรวจ ครั้งที่ 7 ยังเถียงกันนาน 2 ชั่วโมง จี้ถาม “กมธ.กม.ตำรวจ” แก้เนื้อหา เว้นวรรคใช้เกณฑ์แต่งตั้งโยกย้ายใหม่ เอื้อตั๋วช้างหรือไม่ “สาทิตย์” มองวิธีการของ กมธ. ส่อกระทบหลักการทำกฎหมาย พร้อมถามเหตุผล เอื้อใครกันแน่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายชวน หลีกภัย  ประธานรัฐสภาเป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. … ที่กรรมาธิการวิสามัญของรัฐสภาพิจารณาแล้วเสร็จ ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 7 ซึ่งเหลืออีก 4 มาตราจะพิจารณาเนื้อหาเป็นรายมาตราในวาระสองแล้วเสร็จ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมเริ่มต้นพิจารณามาตรา 169/1 ว่าด้วยหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้าย ข้าราชการตำรวจแต่ละตำแหน่ง ในเนื้อหาที่ถูกโต้แย้งต่อการขอแก้ไขเนื้อหาให้ต่างไปจากรายงานของ กมธ.ที่เสนอต่อสภาฯ ซึ่งกมธ. ได้ขอกลับไปหารือก่อนเสนอต่อรัฐสภา โดย พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ส.ว. ฐานะรองประธานกมธ. คนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่ประธาน กมธ. ชี้แจงว่า กมธ.หารือรวม 2 รอบ และได้ข้อยุติต่อการเสนอบทบัญญัติใหม่ให้ที่ประชุมพิจาณา ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติที่ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. ฐานะ กมธ.เสนอ

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ปิยะ ชี้แจงรายละเอียดในข้อเสนอที่ปรับเนื้อหามาตรา 169/1 ให้เป็นการเว้นการบังคับใช้หลักเกณฑ์การคัดเลือก หรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในระดับต่าง ๆ ตามกฎหมายใหม่ ออกไป 180 วัน โดยย้ำว่าเพื่อไม่ให้หลักเกณฑ์ตามกฎหมายใหม่มีผลกระทบต่อบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจในระดับต่าง ๆ ที่ดำเนินการตามขั้นตอนมาแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน และเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมได้ประกาศบัญชีอาวุโสของตำรวจ และเปิดรับฟังข้อโต้แย้งไปแล้ว


“วาระแต่งตั้งประจำปี ได้ดำเนินการไปแล้ว ต้องมีบทเฉพาะกาลเพื่อให้การคัดเลือกกประจำปีเรียบร้อยถูกต้องตามกฎหมายและกฎของ สตช. ที่มีอยู่ อีกทั้งจะมีผลกระทบต่อการวางแผนชีวิตรับราชการของข้าราชการตำรวจ ที่ต้องการย้ายกลับภูมิลำเนา หากใช้กติกาใหม่ที่มีเงื่อนไขเวลา อาจทำให้กระทบต่อการวางแผนรับราชการและครอบครัว ทั้งนี้ กฎ ก.ตร. มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเว้นการบังคับใช้ แต่กฎหมายหลักไม่มี จึงจำเป็นต้องเขียนเพื่อให้รักษาความเที่ยงธรรมในการแต่งตั้ง” พล.ต.อ.ปิยะ กล่าว

พล.ต.อ.ปิยะ ชี้แจงยืนยันว่า การเสนอบทบัญญัติดังกล่าวไม่มีเจตนาแอบแฝงใด แต่เพื่อให้เป็นประโยชน์กับข้าราชการตำรวจทุกระดับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ กมธ.ชี้แจงเนื้อหาแล้ว พบบรรยากาศที่วุ่นวาย มีการประท้วงระหว่างสมาชิกและประท้วงการทำหน้าที่ของนายชวน โดยนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงว่า กรณีที่ กมธ.นำเนื้อหากลับไปทบทวนและแก้ไขมาใหม่ ขัดต่อกระบวนการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ และเป็นวิธีการที่ไม่ชอบต่อข้อบังคับ เนื่องจากที่ประชุมรัฐสภาไม่มีมติให้ กมธ.นำกลับไปพิจารณา ทั้งนี้ มองว่าการกระทำของ กมธ.นั้น ส่อเอื้อประโยชน์ให้คนบางคน ทำให้นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะ กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงยืนยันว่าการดำเนินการของ กมธ.ถูกต้อง และขอนายธีรัจชัยอย่าใช้มโนคิดเอาเอง


นายธีรัจชัยประท้วงขอให้ถอนคำพูด และระหว่างนั้นก็มีการตอบโต้จากนายสมชาย ซึ่งชี้นิ้วไปยังนายธีรัจชัย ทำให้นายธีรัจชัย บอกว่า ไม่สุภาพ ไม่เหมาะสมกับวุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่

ขณะที่ นายชวน ได้วินิจฉัยยืนยันว่าตามข้อบังคับของรัฐสภา กมธ.มีสิทธิที่จะทบทวนเนื้อหาได้และในการประชุมสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมรัฐสภาไม่เห็นเป็นอย่างอื่น จึงถือว่ามีมติให้ กมธ.ทบทวน และมีมติที่เป็นข้อสรุปส่งให้สภาฯ พิจารณาได้ ดังนั้น กระบวนการไม่ผิด แต่หากสมาชิกไม่เห็นด้วยต้องขอมติ และขอให้ดำเนินการอภิปรายต่อไปโดยไม่ให้นายธีรัจชัยอภิปรายอีก แต่นายธีรัจชัย ยืนยันจะขอใช้สิทธิชี้แจง พร้อมขอให้ประธานทำหน้าที่ให้เป็นกลาง อีกทั้งมองว่า การตีความอย่างกว้างของข้อบังคับเพื่อให้สภาฯ แก้ไขได้ทุกเรื่องไม่ถูกต้องในกระบวนการ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีบุคคลใดอยู่เบื้องหลัง ให้กระบวนการพิจารณากฎหมายของรัฐสภาไม่ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาต่อประเด็นดังกล่าวมีความเห็นที่แบ่งเป็น 2 ฝ่าย ทั้งที่สนับสนุนการแก้ไขของ กมธ. และฝ่ายที่โต้แย้ง

ทั้งนี้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ตนไม่เห็นด้วยกับ กมธ.ที่แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาดังกล่าว แม้จะมีการประชุมกันมา 2 ครั้งว่า จะแก้ไขได้หรือไม่ ซึ่งมีความเห็นใน กมธ.แตกเป็น 2 ฝ่าย และล่าสุดการประชุมเมื่อช่วงเช้าวันที่ 5 กรกฎาคม ลงมติเสียงข้างมาก 17 เสียงให้แก้ไข และเสนอข้อความใหม่ต่อสภา

“ผมมองว่าไม่ปกติ เพราะถ้าปกติ กมธ.ต้องถอนเนื้อหาออกไปก่อน แต่นี่ไม่ถอน ส่วนที่บอกว่า มาตรา 169/1 เดิมจะมีผลกระทบกับการแต่งตั้งโยกย้าย แต่ที่ผ่านมา ตัวแทนของ สตช.เข้าร่วมประชุมและรับรู้เนื้อหา รวมถึง สตช.เคยขอให้แก้ไข 14 จุด จึงถือว่ารับรู้มาตลอด จะอ้างว่าไม่รู้ข้อความไม่ได้ ดังนั้น ตนมองว่ามาตราที่เสนอมาใหม่นี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายในปีนี้ ที่บอกว่าหากร่างกฎหมายนี้ใช้วันถัดจากประกาศใช้ มีคนเสียประโยชน์ ผมเชื่อว่าจะมีคนได้ประโยชน์เช่นกัน ทั้งนี้ ข้อความที่เสนอผมมองว่าไม่ต้องแก้ไขก็ได้ เพราะมีมาตรา 170 เขียนด้วยหลักการเดียวกัน แต่หากจะเสนอเพื่อโยนความรับผิดชอบของ ก.ตร. เป็น สภาฯ เพราะสภาคุ้มครอง 180 วันให้ทำตามแบบเดิม  ถือเป็นความผิดปกติที่อาจกระทบต่อกระบวนการนิติบัญญัติได้” นายสาทิตย์ กล่าว

ขณะที่ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน อภิปรายสนับสนุนนายสาทิตย์ และโต้แย้งกมธ.เสียงข้างมากที่เสนอข้อความเว้นวรรคการใช้กติกาใหม่ ว่าจะเอื้อประโยชน์กับบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายในปี เพราะเป็นบุคคลที่ไม่อยู่ในลำดับอาวุโส โดยนายรังสิมันต์​ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายคัดค้านกมธ.เสียงข้างมาก พร้อมระบุว่า จะเอื้อให้บุคคลที่ถูกชื่อว่าได้ตำแหน่งมา เพราะตั๋วช้างเข้ามาดำรงตำแหน่ง โดยไม่คำนึงถึงระบบอาวุโสส จึงถือว่าเป็นประเด็นที่จะทำลายระบบยุติธรรมของการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ เพราะไม่คำนึงถึงความอาวุโสตามที่ร่างกฎหมายกำหนด. สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]

“ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี”

กทม. 9 ส.ค. – “ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” เป็นโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี” ชี้กองทัพพร้อมประสานข้อมูลเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตั้ง น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เป็นโฆษกจิตอาสา ศูนย์บริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีความไม่เหมาะสมเรื่องของข้อมูล และความน่าเชื่อถือ ว่า น.ส.ปนัดดา เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และมีความสนใจในเรื่องบ้านเมือง ซึ่งข้อมูลด้านการทหารอาจจะรู้ไม่เยอะเท่ากับเจ้าหน้าที่ทหาร แต่มีความตั้งใจ อีกทั้งการเข้ามารับตำแหน่งก็เป็นการเสนอจากผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งต้นคิดว่าเรื่องของการได้ข้อมูล เมื่อทางทหารสนับสนุนก็จะสามารถทำงานได้ดี นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชาเป็นผู้หญิง เราไม่อยากให้รู้สึกเหมือนว่าใช้โฆษกทหารที่เป็นผู้ชายไปโต้แย้ง เราอาจจะเสียเปรียบกว่า ซึ่งเห็นว่า น.ส.ปนัดดา มีความเหมาะสมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องข้อมูลก็ให้ประสานกับกองทัพอย่างเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตรงนี้ตนคิดว่าสมน้ำสมเนื้อ เมื่อถามย้ำว่า ข้อมูลที่ น.ส.ปนัดดา จะพูดออกมา เป็นการกลั่นกรองมาจากทางกองทัพใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ประมาณนั้น […]