“ธนาธร” จ่อยื่น “ปลดล็อกท้องถิ่น” ต่อประธานรัฐสภา 11 ก.ค.

อาคารอนาคตใหม่ 4 ก.ค.-“ธนาธร” เผย มีประชาชนทุกจังหวัดร่วมลงชื่อ แคมเปญ “ปลดล็อกท้องถิ่น” เตรียมยื่น ประธานรัฐสภา 11 ก.ค. นี้ ขอเร่งบรรจุเข้าระเบียบวาระทันสมัยประชุมเดือน พ.ย.


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้เชิญชวนเสนอกฎหมาย กล่าวในการแถลงปิดแคมเปญ “ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น” ซึ่งเป็นการณรงค์เข้าชื่อประชาชน เพื่อเสนอ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น ตอนหนึ่งว่า เราเปิดตัวแคมเปญเริ่มรับรายชื่อเมื่อ 1 เมษายน 2565 และปิดรับรายชื่อ 30 มิถุนายน 2565 เป็นระยะเวลา 90 วัน หรือ 3 เดือน มีรายชื่อที่ส่งมาทั้งหมดในรูปแบบกระดาษและออนไลน์รวมแล้ว 83,815 รายชื่อ โดยเป็นแบบกระดาษ 26,619 รายชื่อ แบบออนไลน์ 57,196 รายชื่อ และเมื่อตรวจสอบแล้วมีรายชื่อที่ไม่ผ่านการตรวจสอบเบื้องต้น 3,043 รายชื่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชนที่อายุไม่ถึง 18 ปี และบางส่วนกรอกข้อมูลผิด ดังนั้น เหลือรายชื่อผ่านการตรวจเบื้องต้นเตรียมยื่นประธานรัฐสภา 80,772 รายชื่อ โดยมีรายชื่อจากประชาชนทั้ง 77 จังหวัด แสดงให้เห็นว่ามีประชาชนตื่นตัวเรื่องการกระจายอำนาจทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันรณรงค์ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย พรรคก้าวไกลและทีมงานทุกจังหวัด นักวิชาการ ผู้พัฒนาเว็บไซต์การลงชื่อ กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางความคิดต่าง ๆ นายกท้องถิ่น และที่สำคัญคือขอขอบคุณประชาชนที่ร่วมลงชื่อในครั้งนี้

“ตั้งแต่ครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ เราพูดเสมอว่า จะชนะทางการเมืองได้ต้องปักธงทางความคิด และวิธีชนะทางความคิดได้ก็ต้องรณรงค์อย่างสม่ำเสมอ โดยตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา เราจัดเวทีต่าง ๆ ถึง 30 จังหวัด ซึ่งยืนยันอีกครั้งว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ ไม่ใช่ของคณะก้าวหน้าเท่านั้น แต่เป็นของทุกคนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศ อยากเห็นการกระจายอำนาจเกิดขึ้น โดยหลักการสำคัญในข้อเสนอของร่างนี้ มี 5 หลักการคือ 1. ปลดล็อกอำนาจที่จำกัด ให้บริการสาธารณะพื้นที่เป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเงินตรา การมีกองทัพ การต่างประเทศ, 2. ปลดล็อกเรื่องความซ้ำซ้อนที่เกิดขึ้นระหว่าง อปท. กับส่วนภูมิภาค รวมถึงส่วนกลาง, 3. ปลดล็อกเรื่องงบประมาณ ให้มีการจัดสรรรายได้ใหม่ที่เป็นธรรม โดยส่วนกลางกับท้องถิ่นอยู่ที่ 50 ต่อ 50 เปอร์เซ็นต์, 4. ปลดล็อกการกำกับดูแล ที่ต้องไม่ใช่ส่วนกลางหรือส่วนภูมิภาคมาบังคับบัญชาท้องถิ่น และ 5.ปลดล็อกเรื่องการเพิ่มอำนาจให้กับประชาชน สามารถเสนอการทำประชามติในวาระสำคัญของท้องถิ่น การถอดถอนผู้บริหารท้องถิ่น รวมทั้งการสร้างสภาพลเมืองประชาชนมีอำนาจร่วมตรวจสอบ และการจัดทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วม” นายธนาธร กล่าว


นายธนาธร กล่าวว่า การกระจายอำนาจ ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เป็นวาระสำคัญระดับชาติ ถ้าทำเรื่องนี้ได้สำเร็จประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะจะทำให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็ม สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้จริง โดยในสัปดาห์หน้า ในวันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคมนี้ เราจะนำรายชื่อไปยื่นสู่รัฐสภา และขั้นตอนจากนั้น เมื่อทางรัฐสภาตรวจสอบเอกสารหลักฐานเสร็จภายใน 45 วันแล้ว รัฐสภาจะทำการเผยแพร่ร่างกฎหมาย และเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ก่อนที่ประธานรัฐสภาจะเสนอความเห็นเข้าสู่รัฐสภา และบรรจุวาระเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อไป ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทันสมัยการประชุมต่อไปในเดือนพฤศจิกายน และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการพิจารณาในสมัยนี้ ขอวิงวอนไปยังประธานรัฐสภาให้บรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณา และขอเรียกร้องไปถึง ส.ส. และ ส.ว. โหวตรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้

“พรรคการเมืองหลายพรรคที่ผ่านมา ในการหาเสียงก็มีเรื่องของการกระจายอำนาจ วันนี้โอกาสมาถึงแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่า นโยบายกับการกระทำเป็นเรื่องเดียวกัน นอกจากนี้ บรรดา ส.ว.หลายคนก็พูดเรื่องนี้ในการประชุม หลายคนก่อนดำรงตำแหน่งก็เคยรณรงค์ผลักดันการกระจายอำนาจ วันนี้โอกาสมาถึงแล้วว่าสิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำจะเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ เรื่องนี้ไม่มีฟากฝ่ายทางการเมือง การกระจายอำนาจทุกคนพูดมาหลายสิบปีแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของคณะก้าวหน้า ไม่ใช่เรื่องของพรรคก้าวไกล แต่เป็นเรื่องอนาคตของคนไทย อนาคตของลูกหลานเรา ทั้งนี้ อยากฝากถึงสื่อมวลชนให้สร้างเวทีแลกเปลี่ยนเรื่องการกระจายอำนาจ มีพื้นที่ปลอดภัยให้ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หรือเห็นแตกต่างกันในรายละเอียด ได้มาถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และสุดท้าย อยากฝากถึงประชาชนทุกคน ให้ติดตามวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เมื่อร่างเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา อยากให้ช่วยกันแสดงจุดยืน ช่วยกันพูดถึงเรื่องนี้ในที่สาธารณะ เพื่อทำให้ ส.ส. และ ส.ว.เห็นความสำคัญของเสียงประชาชน” นายธนาธร กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชาสั่งแบนหนัง-ละครไทย

พนมเปญ 13 มิ.ย. – เว็บไวต์ขแมร์ไทม์ส ของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา เรียกร้องให้สถานีโทรทัศน์กัมพูชายกเลิกการออกอากาศละครไทย เลิกฉายหนังไทย และอาจจะยกเลิกการนำเข้าสินค้าจากไทยด้วยเพื่อรักษาอธิปไตยและศักดิ์ศรีของประเทศในยามที่เผชิญแรงกดดัน กระทรวงข่าวสารกัมพูชาได้ออกหนังสือถึงเจ้าของสถานีโทรทัศน์ทุกแห่งแจ้งให้ทราบว่าตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ทุกสถานีของกัมพูชาต้องงดออกอากาศภาพยนตร์ไทยทุกประเภทเพื่อความเหมาะสมของสถานการณ์และรักษาความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้กระทรวงศิลปะและวัฒนธรรมกัมพูชายังออกประกาศแจ้งเตือนให้ระงับการฉายและห้ามนำเข้าภาพยนตร์ไทยทุกประเภทในกัมพูชาตั้งแต่ 12 นาฬิกาวันนี้เป็นต้นไป.-816.-สำนักข่าวไทย

 อิสราเอลระบุเปิดฉากโจมตีอิหร่าน

เยรูซาเล็ม 13 มิ.ย. – กองกำลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีเป้าหมายด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน เพื่อขัดขวางมิให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ สื่อของอิหร่านและผู้เห็นเหตุการณ์รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดหลายครั้งที่โรงงานเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียม อิสราเอลเรียกปฏิบัติการโจมตีนี้ว่า “สิงห์ผงาด” (Rising Lion) โดยระบุว่าการโจมตียังพุ่งเป้าไปที่บรรดาผู้บัญชาการของอิหร่านและโรงงานผลิตขีปนาวุธ พร้อมกันนั้น อิสราเอลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อเตรียมรับมือกับการโจมตีตอบโต้ด้วยขีปนาวุธและโดรนจากเตหะราน นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ได้กล่าวผ่านข้อความวิดีโอที่บันทึกไว้ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ชี้ขาดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล นายเนทันยาฮูเขากล่าวด้วยว่า อิสราเอลเล็งเป้าโจมตีไปที่นักวิทยาศาสตร์ที่กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ โครงการขีปนาวุธนำวิถี และโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่เมืองนาทานซ์ (Natanz) ในปฏิบัติการที่จะดำเนินต่อไปอีกหลายวัน เจ้าหน้าที่กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า อิสราเอลกำลังโจมตีเป้าหมายทางนิวเคลียร์และทางทหาร ‘หลายสิบแห่ง’ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าอิหร่านมีวัสดุเพียงพอที่จะสร้างระเบิดนิวเคลียร์ได้ถึง 15 ลูกภายในไม่กี่วัน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า อิสราเอลได้ดำเนินการฝ่ายเดียวเนื่องจากเชื่อว่าปฏิบัติการดังกล่าวมีความจำเป็นสำหรับการป้องกันตนเอง พร้อมกับย้ำว่า สหรัฐไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฎิบัติการครั้งนี้ของอิสราเอล ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากข่าวนี้.-813.-สำนักข่าวไทย

“ทนายวิญญัติ” รอศาลกำหนดแนวทางพิจารณา

ศาลฎีกาฯ 13 มิ.ย.-“ทักษิณ” ไม่มาศาลฎีกา​ “ทนายวิญญัติ” รอศาลกำหนดแนวทางพิจารณา นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี​ เดินทางมาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประมาณ 8.30 น. พร้อมทีมทนาย 4-5 คน โดยไม่ปรากฏนายทักษิณ เดินทางมาศาลแต่อย่างใด นายวิญญัติ เปิดเผยถึงกรณีศาลฯได้นัดไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ได้รับการเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ วันนี้ว่า​ เป็นการนัดของศาลฎีกาฯ เพื่อจะดำเนินการกระบวนการไต่สวน​ ซึ่งต้องรอดู ตนในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจของนายทักษิณ​ มาทำหน้าที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เห็นว่า กระบวนการพิจารณาคดีจากนี้ไป จะกำหนดหรือวางแนวทางอย่างไร ยังไม่สามารถตอบได้ ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆ ขอให้สัมภาษณ​์หลังจากที่เสร็จกระบวนการก่อน เนื่องจากว่ายังไม่ทราบ ว่าจะมีกระบวนการอย่างไรบ้าง ทั้งนี้การเป็นทนายความมาพอจะคาดเดาได้ ส่วนในคดีนี้มีโอกาสที่นายทักษิณจะมาหรือไม่​ นายวิญญัติ​ กล่าวว่ายังตอบไม่ได้ และการพิจารณาวันนี้ไม่น่านาน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ ต้องดูว่า เราจะทำคำชี้แจงอย่างไร และหน่วยงานต่างๆ บุคคลที่ได้รับหมายได้ยื่นคำชี้แจงมาหรือไม่ ต้องมาดูว่ามีใครยื่นมาบ้าง หลังจากนั้นศาลจะให้โอกาสทุกฝ่าย ในการชี้แจง.-319​.-สำนักข่าวไทย

เครื่องบินตกอินเดีย

นายกฯ แสดงความเสียใจเครื่องบินตกที่อินเดีย

กทม. 13 มิ.ย.-นายกฯ แสดงความเสียใจโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่เมืองอาเมดาบัด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความเมื่อคืนที่ผ่านมา แสดงความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่เมืองอาเมดาบัด ในนามของประชาชนและรัฐบาลไทย ขอแสดงความเสียใจไปยังท่านนายกรัฐมนตรีโมที @NarendraModi และผู้ที่ประสบความสูญเสียจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ I am deeply saddened by the tragic plane crash in Ahmedabad earlier today. On behalf of the people and Government of Thailand, I extend our heartfelt condolences to PM @NarendraModi and all those who suffered loss in this tragedy.-314.-สำนักข่าวไทย