“ธนาธร” จ่อยื่น “ปลดล็อกท้องถิ่น” ต่อประธานรัฐสภา 11 ก.ค.

อาคารอนาคตใหม่ 4 ก.ค.-“ธนาธร” เผย มีประชาชนทุกจังหวัดร่วมลงชื่อ แคมเปญ “ปลดล็อกท้องถิ่น” เตรียมยื่น ประธานรัฐสภา 11 ก.ค. นี้ ขอเร่งบรรจุเข้าระเบียบวาระทันสมัยประชุมเดือน พ.ย.


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้เชิญชวนเสนอกฎหมาย กล่าวในการแถลงปิดแคมเปญ “ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น” ซึ่งเป็นการณรงค์เข้าชื่อประชาชน เพื่อเสนอ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น ตอนหนึ่งว่า เราเปิดตัวแคมเปญเริ่มรับรายชื่อเมื่อ 1 เมษายน 2565 และปิดรับรายชื่อ 30 มิถุนายน 2565 เป็นระยะเวลา 90 วัน หรือ 3 เดือน มีรายชื่อที่ส่งมาทั้งหมดในรูปแบบกระดาษและออนไลน์รวมแล้ว 83,815 รายชื่อ โดยเป็นแบบกระดาษ 26,619 รายชื่อ แบบออนไลน์ 57,196 รายชื่อ และเมื่อตรวจสอบแล้วมีรายชื่อที่ไม่ผ่านการตรวจสอบเบื้องต้น 3,043 รายชื่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชนที่อายุไม่ถึง 18 ปี และบางส่วนกรอกข้อมูลผิด ดังนั้น เหลือรายชื่อผ่านการตรวจเบื้องต้นเตรียมยื่นประธานรัฐสภา 80,772 รายชื่อ โดยมีรายชื่อจากประชาชนทั้ง 77 จังหวัด แสดงให้เห็นว่ามีประชาชนตื่นตัวเรื่องการกระจายอำนาจทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันรณรงค์ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย พรรคก้าวไกลและทีมงานทุกจังหวัด นักวิชาการ ผู้พัฒนาเว็บไซต์การลงชื่อ กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางความคิดต่าง ๆ นายกท้องถิ่น และที่สำคัญคือขอขอบคุณประชาชนที่ร่วมลงชื่อในครั้งนี้

“ตั้งแต่ครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ เราพูดเสมอว่า จะชนะทางการเมืองได้ต้องปักธงทางความคิด และวิธีชนะทางความคิดได้ก็ต้องรณรงค์อย่างสม่ำเสมอ โดยตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา เราจัดเวทีต่าง ๆ ถึง 30 จังหวัด ซึ่งยืนยันอีกครั้งว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ ไม่ใช่ของคณะก้าวหน้าเท่านั้น แต่เป็นของทุกคนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศ อยากเห็นการกระจายอำนาจเกิดขึ้น โดยหลักการสำคัญในข้อเสนอของร่างนี้ มี 5 หลักการคือ 1. ปลดล็อกอำนาจที่จำกัด ให้บริการสาธารณะพื้นที่เป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเงินตรา การมีกองทัพ การต่างประเทศ, 2. ปลดล็อกเรื่องความซ้ำซ้อนที่เกิดขึ้นระหว่าง อปท. กับส่วนภูมิภาค รวมถึงส่วนกลาง, 3. ปลดล็อกเรื่องงบประมาณ ให้มีการจัดสรรรายได้ใหม่ที่เป็นธรรม โดยส่วนกลางกับท้องถิ่นอยู่ที่ 50 ต่อ 50 เปอร์เซ็นต์, 4. ปลดล็อกการกำกับดูแล ที่ต้องไม่ใช่ส่วนกลางหรือส่วนภูมิภาคมาบังคับบัญชาท้องถิ่น และ 5.ปลดล็อกเรื่องการเพิ่มอำนาจให้กับประชาชน สามารถเสนอการทำประชามติในวาระสำคัญของท้องถิ่น การถอดถอนผู้บริหารท้องถิ่น รวมทั้งการสร้างสภาพลเมืองประชาชนมีอำนาจร่วมตรวจสอบ และการจัดทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วม” นายธนาธร กล่าว


นายธนาธร กล่าวว่า การกระจายอำนาจ ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เป็นวาระสำคัญระดับชาติ ถ้าทำเรื่องนี้ได้สำเร็จประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะจะทำให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็ม สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้จริง โดยในสัปดาห์หน้า ในวันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคมนี้ เราจะนำรายชื่อไปยื่นสู่รัฐสภา และขั้นตอนจากนั้น เมื่อทางรัฐสภาตรวจสอบเอกสารหลักฐานเสร็จภายใน 45 วันแล้ว รัฐสภาจะทำการเผยแพร่ร่างกฎหมาย และเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ก่อนที่ประธานรัฐสภาจะเสนอความเห็นเข้าสู่รัฐสภา และบรรจุวาระเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อไป ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทันสมัยการประชุมต่อไปในเดือนพฤศจิกายน และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการพิจารณาในสมัยนี้ ขอวิงวอนไปยังประธานรัฐสภาให้บรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณา และขอเรียกร้องไปถึง ส.ส. และ ส.ว. โหวตรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้

“พรรคการเมืองหลายพรรคที่ผ่านมา ในการหาเสียงก็มีเรื่องของการกระจายอำนาจ วันนี้โอกาสมาถึงแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่า นโยบายกับการกระทำเป็นเรื่องเดียวกัน นอกจากนี้ บรรดา ส.ว.หลายคนก็พูดเรื่องนี้ในการประชุม หลายคนก่อนดำรงตำแหน่งก็เคยรณรงค์ผลักดันการกระจายอำนาจ วันนี้โอกาสมาถึงแล้วว่าสิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำจะเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ เรื่องนี้ไม่มีฟากฝ่ายทางการเมือง การกระจายอำนาจทุกคนพูดมาหลายสิบปีแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของคณะก้าวหน้า ไม่ใช่เรื่องของพรรคก้าวไกล แต่เป็นเรื่องอนาคตของคนไทย อนาคตของลูกหลานเรา ทั้งนี้ อยากฝากถึงสื่อมวลชนให้สร้างเวทีแลกเปลี่ยนเรื่องการกระจายอำนาจ มีพื้นที่ปลอดภัยให้ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หรือเห็นแตกต่างกันในรายละเอียด ได้มาถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และสุดท้าย อยากฝากถึงประชาชนทุกคน ให้ติดตามวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เมื่อร่างเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา อยากให้ช่วยกันแสดงจุดยืน ช่วยกันพูดถึงเรื่องนี้ในที่สาธารณะ เพื่อทำให้ ส.ส. และ ส.ว.เห็นความสำคัญของเสียงประชาชน” นายธนาธร กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 15 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ […]

ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” คลิปคุย “ฮุนเซน”

กทม. 14 ก.ค. – ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรงต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงคุยกับ “ฮุน เซน” ที่สำนักงาน ป.ป.ช. วันนี้มีรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน การตั้งองค์คณะไต่สวนครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา51 ซึ่งเปิดช่องให้ ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไม่น้อยกว่า 2 คนไต่สวนได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงมีผลกระทบต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางหรือเกี่ยวพันกับองค์กรตุลาการ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเบื้องต้น และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน โดยให้มีการถอดเทปคำสนทนาและจัดทำคำแปลจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง ครอบคลุมการสอบพยาน และการศึกษา คดีเปรียบเทียบ เช่น […]

เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ลาสิกขา ปมโอน 13 ล้าน

พระนครศรีอยุธยา 14 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ สมัครใจลาสิกขา หลังโอนเงินกว่า 13 ล้าน ให้ “สีกากอล์ฟ” ยืนยันไม่มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำพิธีลาสิกขาด้วยความสมัครใจในวันนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด พร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ นานเกือบ 3 ชั่วโมง พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า อดีตเจ้าอาวาสฯ เต็มใจลาสิกขา เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ พบว่า เส้นเงินถูกโอนจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการรับกิจนิมนต์และสอนหนังสือ โดยโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินจากบัญชีวัดอีก 3.8 แสนบาท ซึ่งมีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้สีกากอล์ฟ […]

แก๊งจีนดำลวงเพื่อนร่วมชาติเรียกค่าไถ่ สังหารโหด

เชียงราย 14 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีแก๊งจีนดำฆ่าจีนเทา หลอกเพื่อนร่วมชาติมาเรียกค่าไถ่ที่เชียงใหม่ สังหารโหด และนำศพทิ้งกลางป่า ตำรวจพบศพนายหยาง อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ถูกห่อด้วยถุงดำ และผ้าปูที่นอน แล้วใช้ผ้ายางพลาสติกห่อทับอีกชั้น ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะข้างทางริมถนน ใกล้กับหมู่บ้านป่าเหว ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของนายหยางให้ช่วยติดตามตัวน้องชาย หลังข้ามชายแดนมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมัน ในฝั่งลาว ผ่าน ตม.สบรวก อำเภอเชียงแสน ที่ จ.เชียงราย มาพร้อมกับนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่ง โดยจ้างแท็กซี่เดินทางมายังเชียงใหม่ เมื่อ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาและหายตัวไป ก่อนถูกเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พลตำรวจโทกฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า พบตัวนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนที่เดินทางมากับนายหยาง และอ้างว่า ถูกนายซาง เบนซิน และนายหวังซวง นัดหมายให้พานายหยาง […]