เร่งกฎหมายเลือกตั้งให้เสร็จก่อนอภิปรายฯ

รัฐสภา วันนี้ (1 ก.ค.) “ชินวรณ์” เผยถกกฎหมายลูกให้เสร็จก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยัน รัฐบาลให้ฝ่ายค้านซักฟอกได้แค่ 4 วัน ย้ำไม่มีองครักษ์ เพราะเป็นหน้าที่วิปรัฐบาลอยู่แล้ว


นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติว่า เท่าที่ตกลงกันที่ประชุมร่วมรัฐสภาจะพิจารณาให้เสร็จภายในวันนี้ จากนั้น ในวันที่ 5-6 กรกฎาคมจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับ เพราะทุกฝ่ายต้องการที่จะให้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ เสร็จก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ  ในวันที่ 6 กรกฎาคม นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาฯ ได้นัดประชุมวิป 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล และคณะรัฐมนตรี เรื่องกรอบเวลาการอภิปรายว่าแต่ละฝ่ายจะใช้เวลาเท่าไร เพราะฝ่ายค้านต้องการอภิปราย 5 วัน แล้วลงมติในวันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม แต่ฝ่ายรัฐบาลต้องการให้อภิปราย 4 วัน แล้วลงมติในวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม เพราะเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด แต่ฝ่ายค้านยังไม่ยอม จึงต้องมาพูดคุยกัน ทั้งนี้จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ ให้เสร็จในวันที่ 6 กรกฎาคม จากนั้น วันที่ 7-8 กรกฎาคมจะเป็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยนำวาระวันพุธไปอยู่ไว้ในวันศุกร์ คือ วันที่ 8 กรกฎาคมแทน

นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์ เพราะถือว่าเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายของฝ่ายค้าน และเป็นการอภิปรายในรอบปีที่ 4 ของรัฐบาล เข้าใจว่านายกฯ และรัฐมนตรีมีประเด็นเรื่องของการทำงาน ซึ่งทางวิปได้เสนอแนะว่าหลักที่สำคัญคือ ต้องตอบข้อเท็จจริงตามที่ฝ่ายค้านถามมา และนำข้อมูลที่เป็นผลงานของรัฐบาลมาชี้แจง เพราะประเด็นที่ฝ่ายค้านตั้งไว้ในญัตติมีหลายประเด็น ที่คิดว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ชัดเจน ดังนั้น ต้องดูว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายในเรื่องใดบ้าง


“เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะมีความมั่นใจในเรื่องของข้อเท็จจริงว่า รัฐบาลสามารถชี้แจงได้ โดยเฉพาะในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ เรายืนยันไปแล้วว่า ขอเวลาให้รัฐมนตรีได้ตอบอย่างเต็มที่ เพราะจะต้องอธิบายให้ประชาชนได้เข้าใจด้วย” นายชินวรณ์ กล่าว

เมื่อถามว่า นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่ามีชื่อนายชินวรณ์ไปเป็นทัพหลังของทีมองครักษ์ นายชินวรณ์ กล่าวว่า เราไม่มีทัพหน้า ทัพหลัง ทัพกลางอะไร เพราะคิดว่าวิปรัฐบาลมีหน้าที่ในการที่จะต้องดูแลการประชุมให้เป็นไปตามข้อบังคับ และให้ความร่วมมือกับฝ่ายค้าน เพราะที่ฝ่ายค้านจะได้ใช้โอกาสอภิปรายอย่างเต็มที่ และเราทุกคนก็ได้ทำหน้าที่กันไป ฝ่ายค้านทำหน้าที่ในการตรวจสอบ และฝ่ายรัฐบาลก็ทำหน้าที่เปิดโอกาสให้นายกฯ และรัฐมนตรีได้ชี้แจงมากที่สุดเท่าที่ทำได้.- สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง