ทำเนียบรัฐบาล 23 มิ.ย.-เลขาฯ สมช. ย้ำสถานบันเทิง-ร้านอาหาร เปิด-ปิด ตามเวลาที่กฎหมายกำหนด สธ.เตรียมออกรายละเอียดถอดแมสก์ ประเมินตามสถานการณ์ปัจจุบัน
พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กล่าวถึงความชัดเจนกรณี ศบค.ผ่อนคลายมาตรการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงว่า เป็นมาตรการผ่อนคลายด้านเศรษฐกิจ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้สถานบริการทั้งหมดเปิดได้ตามกฎหมายปกติ จึงต้องไปดูพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509, กฎกระทรวง, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี, กฎหมาย คสช. ซึ่งทั้งหมดมีกำกับไว้อยู่แล้ว ทั้งในเรื่องเวลาการเปิด-ปิดในพื้นที่ที่เป็นโซนนิ่งและไม่ใช่โซนนิ่ง เวลาห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“ส่วนประเด็นที่ผู้ประกอบการได้ร้องขอให้ยกเลิกกฎหมายบางส่วน ก็ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้พิจารณาดำเนินการ สำหรับสิ่งที่ ศบค.รับผิดชอบจะเป็นไปตามข้อกำหนดที่จะออกมาภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งจะเป็นข้อกำหนดที่ระบุให้สถานบริการดำเนินการตามกฎหมายปกติที่มีอยู่ก่อนที่จะมีสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด” เลขาธิการ สมช. กล่าว
เมื่อถามถึงความชัดเจนว่า สามารถเปิดสถานบันเทิงได้ถึงเวลาใด พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่าให้ยึดตามกฎหมายปกติที่ระบุเรื่องเวลา ขึ้นอยู่กับประเภทของสถานบริการ ร้านอาหารที่จะเปิด โดยจะมีทั้งที่ให้เปิดได้ถึงเวลา 24.00 น., 01.00 น. และ 02.00 น. ไม่เกินจากนี้ ขึ้นอยู่กับรูปแบบการจดทะเบียนสถานบริการ ร้านอาหาร
ส่วนมาตรการถอกหน้ากากอนามัยในที่โล่งแจ้ง เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า ศบค.กำลังจะออกข้อกำหนด ทั้งการประกาศให้ทั่วประเทศเป็นพื้นที่สีเขียว กิจการกิจกรรมต่าง ๆ สามารถดำเนินได้ตามปกติ แต่มีข้อกังวลบางส่วนจากกระทรวงสาธารณสุข ที่ออกมาเป็นข้อกำหนดบังคับคือการที่กิจกรรมที่จะรวมตัวของคนเกิน 2,000 คน จะต้องได้รับอนุญาตก่อน ขณะที่เรื่องของการผ่อนคลายถอดหน้ากากอนามัยได้ยกเลิกกฎหมายที่บังคับว่า จะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และจะมีมาตรการจากกระทรวงสาธารณสุขออกมาแนะนำให้ประชาชนควรใส่ในกิจกรรมใดบ้าง และสามารถอนุโลมให้ถอดหน้ากากอนามัยในกิจกรรมใด
“แต่ในภาพรวมจากสถานการณ์ที่ทุกคนได้เห็น ผมคิดว่าการสวมหน้ากากอนามัยยังมีความจำเป็น เพราะทางการแพทย์เองก็ยังเห็นว่ามีความจำเป็น ส่วนการจะกลับมาบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยอีกครั้ง เป็นเรื่องที่จะต้องประเมินวิกฤติที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเท่าที่ดูสถานการณ์ปัจจุบัน คิดว่าไม่น่าจะเกิดวิกฤติอีก โดยจะมีมาตรการอื่น ๆ ทางการแพทย์ออกมารองรับ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเตรียมพร้อมแล้ว สิ่งเหล่านี้จะช่วยอำนวยให้บรรยากาศของประชาชนปรับตัวเองในการใช้ชีวิตร่วมกับโรคโควิด-19 และสุดท้ายโรดแมปที่จะประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นจะมีความเป็นไปได้” พล.อ.สุพจน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงที่สิงคโปร์แล้ว ส่วนของประเทศไทยต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษหรือไม่ เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า ขอให้ฟังข้อมูลจากทางกระทรวงสาธารณสุขที่จะทยอยแจ้งให้ประชาชนทราบว่าควรระมัดระวังอย่างไร แต่ไม่ว่าจะเป็นเชื้อประเภทไหน สิ่งที่แพทย์ให้ความสำคัญคือเรื่องอันตรายที่มีต่อร่างกาย สิ่งแรกที่จะช่วยได้คือการสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันตัวเองไว้ก่อน สิ่งที่สองคือการฉีดวัคซีน โดยในวันเดียวกันนี้ได้พูดคุยถึงเรื่องการรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เป็นการพูดคุยให้กระทรวงมหาดไทยใช้กลไกฝ่ายปกครอง ตั้งแต่ระดับชุมชน หมู่บ้านไล่เรียงขึ้นมา ให้ช่วยพูดคุยกับประชาชนให้ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างสะดวกที่สุด
ส่วนกรณีมีเสียงวิจารณ์เรื่องการผ่อนคลายให้ประชาชนถอดหน้ากากอนามัยในที่โล่ง แต่มีเชื้อโรคใหม่และเชื้อกลายพันธุ์เข้ามา จะกลายเป็นวัวหายแล้วล้อมคอกหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ไม่ ขณะนี้ยังยืนยันว่าสามารถดำเนินการตามมาตรการ ข้อกำหนดที่จะออกไปหากจะเปลี่ยนแปลง ทางกระทรวงสาธารณสุขจะประเมินแล้วแจ้งให้ทราบ แม้จะมองว่ามีความน่ากังวลแต่มาตรการที่ออกมาคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา.-สำนักข่าวไทย