รัฐบาลเล็งตั้ง “กระทรวงน้ำ”

มูลนิธิป่ารอยต่อฯ วันนี้  (23 มิ.ย.) รัฐบาลเล็งตั้ง “กระทรวงน้ำ” เร่งยกระดับการบริหารจัดการน้ำภาพรวมแบบก้าวกระโดด  มุ่งตอบความต้องการประชาชน รับการเผชิญวิกฤตและความมั่นคงน้ำที่ยั่งยืน


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ครั้งที่ 2 / 2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์   ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯโดยที่ประชุมร่วมพิจารณาให้ความเห็นและข้อเสนอแนะ  ต่อผลการศึกษาโครงการวิจัยการศึกษานวัตกรรมเชิงระบบ โครงสร้างและกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ โดยสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สอวช.)  ร่วมจัดทำกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) สรุปภาพรวมแนวโน้มบริบทของน้ำในอนาคตมีความต้องการน้ำสูง ปริมาณมีความแปรปรวนสูงจากปัญหาสภาพอากาศ  การใช้น้ำมีผลิตภาพต่ำ ใช้น้ำสิ้นเปลืองและน้ำต้นทุนไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำ ปัญหาการบริหารจัดการน้ำยังขาดเอกภาพและการบูรณาการที่เชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ ทั้งอำนาจหน้าที่ แผนงาน โครงการและงบประมาณ  มีหน่วยงานรับผิดชอบด้านน้ำมากเกินไป   

ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐยังเน้นแก้ปัญหาด้วยการลงทุนก่อสร้าง  และไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการด้านความต้องการ พร้อมเสนอการออกแบบ Roadmap การพัฒนานวัตกรรมเชิงระบบ เพื่อการบริหารจัดการน้ำ ที่ประชุมจึงเห็นชอบหลักการ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ สทนช. ให้สามารถขับเคลื่อนภารกิจ เพื่อนำไปสู่การพัฒนา เป็นการจัดตั้ง “กระทรวง” ในอนาคตต่อไป  โดยขยายบทบาทให้ครอบคลุมทั้งมิติอุปสงค์และอุปทาน


พล.อ.ประวิตร  ย้ำการบริหารจัดการน้ำเกี่ยวข้องกับหน่วยงานมากกว่า 38 หน่วยงาน และกฎหมายหลายฉบับ มีปัญหาด้านต่างๆ ที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือวิเคราะห์แนวทางแก้ปัญหาแบบก้าวกระโดด เพื่อเร่งให้เกิดความยั่งยืนด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศโดยเร็ว  ทั้งนี้รัฐบาลมีความจำเป็นยิ่ง ที่จะต้องยกระดับการบริหารจัดการน้ำให้มีความสำคัญ โดยนำไปสู่การจัดตั้งหน่วยงานระดับกระทรวง เพื่อเผชิญกับวิกฤตและความมั่นคงด้านน้ำในอนาคตอันใกล้นี้

พล.อ.ประวิตร ยังได้ขอให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ทีดีอาร์ไอ  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งยกร่างพิมพ์เขียวการปรับปรุงกลไกล การบริหารจัดการน้ำของประเทศ เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง กฎหมายและงบประมาณ  พร้อมทั้งยกร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรมให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน  และขอให้นำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อปัญหาและจุดอ่อน  เพื่อพัฒนาเพิ่มศักยภาพ บุคลากร หน่วยงาน และเทคโนโลยีของ สทนช. ให้มีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะคณะกรรมการลุ่มน้ำ 22 ลุ่ม  และคณะอนุกรรมการจังหวัด จำเป็นต้องเร่งดำเนินการคู่ขนานในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทั้งนี้ ขอให้เน้นความสำคัญข้อมูลและนวัตกรรม รวมทั้งความต้องการประชาชนเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายแผนงานไปพร้อมกัน.- สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ครบ 72 ชม. ตึก สตง.ถล่ม ไม่หยุดค้นหาผู้รอดชีวิต

ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุตึก สตง.พังถล่ม แม้เวลาผ่านมาครบ 72 ชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่้ทุกฝ่ายยังไม่ละความพยายามในการค้นหาผู้รอดชีวิต หวังมีปาฏิหาริย์

นายกฯ สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือนภัย ลั่นยังไม่ได้ SMS แผ่นดินไหว

นายกฯ ลั่น จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับ SMS เตือนแผ่นดินไหว สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือน “กรมอุตุฯ ไป ปภ. เข้าเครือข่ายมือถือ” ไม่ต้องผ่าน กสทช. ระหว่าง รอ Cell Broadcast เต็มระบบ ก.ค.นี้

ปภ.ยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ใช่ผลจากอาฟเตอร์ช็อก

ปภ.แถลงชี้แจงกรณีสถานการณ์อพยพออกจากอาคาร ยืนยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ได้เป็นผลกระทบจากอาฟเตอร์ช็อก ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก