รัฐสภา 22 มิ.ย.- ฝ่ายค้านพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่กังวลญัตติจะมีปัญหา เตรียมยืนยันรายชื่อ ส.ส.ที่เสนอญัตติต่อประธานสภาฯ ช่วงบ่ายวันนี้ เมินทีมปราบมาร พปชร. ชี้ยังละอ่อน
นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่าพรรคเพื่อไทยได้ประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ซึ่งเป็นการทำงานตามขั้นตอน โดยมีทีมงานกลั่นกรองเนื้อหา กลั่นกรองบุคคล หลังจากยื่นญัตติไปแล้ว เป็นการนำเนื้อหาทั้งหมดมาขัดเกลา ว่ามีประเด็นใดที่จะเพิ่มเติม หรือจะตัดออก ส่วนการวางตัวผู้อภิปรายนั้น ต้องรอหารือเรื่องกรอบเวลากับรัฐบาลก่อนจัดสรรบุคคล ว่าใครจะอภิปรายก่อน-หลัง ยืนยันว่าฝ่ายค้านพร้อมตลอดเวลา ไม่ว่าจะอภิปรายเมื่อไหร่ ส่วนที่พลังประชารัฐ ตั้งทีมปราบมารเพื่อองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีนั้น มองว่า เท่าที่เห็นมีแต่หน้าใหม่ ๆ ยังละอ่อน ไม่มีประสบการณ์ จึงเชื่อว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
นายสุทิน ย้ำว่า ญัตติที่ฝ่ายค้านยื่นนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หลายคนตีความกันเอง และขออย่านำไปเปรียบเทียบกับในอดีตที่เคยมีการแก้ไขญัตติขณะที่บรรจุอยู่ในวาระจนใกล้จะอภิปรายแล้ว แต่ญัตติที่ฝ่ายค้านยื่นยังไม่ได้บรรจุในวาระ อยู่ระหว่างการตรวจสอบของประธานสภาฯ ดังนั้นระหว่างนี้สามารถแก้ไขได้ตลอดเวลา และวันนี้เป็นวันที่แต่ละพรรคที่จะยืนยันความถูกต้องของญัตติ โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านนัดยืนยันรายชื่อที่ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกัน เวลาประมาณ 14.00 น. วันนี้
ส่วนที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าต้องรีบลงพื้นที่ เพราะรู้ดีว่าเป็นรองพรรคเพื่อไทย นายสุทิน กล่าวว่า ที่จริงก็เป็นรองอยู่แล้ว เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐก็แพ้พรรคเพื่อไทย ทั้งที่ส่งผู้สมัครไม่ครบทุกเขต แต่ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะเกมการเมืองอะไร แต่เป็นเพราะผลงานของพรรคเพื่อไทย เมื่อเปรียบเทียบกับของพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล ที่ประชาชนสะท้อนออกมาก็สื่อถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แม้จะมีการเลือกตั้งสัปดาห์หน้า พรรคเพื่อไทยก็พร้อม แต่ที่ยังไม่พร้อมก็คือรัฐบาล และกฎหมายที่จะใช้ในการเลือกตั้ง นายสุทิน ยังมองว่า เป็นเรื่องธรรมดาของปลายสมัยใกล้จะมีการเลือกตั้ง ก็จะมี ส.ส.ย้ายพรรค และถ้าใครจะไม่อยู่กับพรรค คนนั้นก็จะแสดงออกในทางตรงกันข้ามไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อยู่ที่มารยาทของแต่ละพรรคว่า ระหว่างสมัยประชุมสภา สถานภาพยังอยู่ที่เดิมจะแสดงออกอย่างไร เพื่อรักษาระบบของรัฐสภา.- สำนักข่าวไทย