เผยเหตุ อสส.สั่งไม่ฟ้องคดีอาญา

กรุงเทพฯ 9 มิ.ย.-“นิพนธ์” แจงปมสัญญาซื้อขายรถซ่อมบำรุงทาง ยันการพิจารณาทางแพ่งนำมาใช้ทางอาญาไม่ได้ เผยเหตุอสส.สั่งไม่ฟ้องคดีอาญา ป.ป.ช.ชี้แจงความไม่สมบูรณ์ของสำนวนไม่ได้ ขณะผู้ตรวจรับรถฯ ไม่มีอำนาจตรวจรับ


นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีเรื่องข้อพิพาทสัญญาซื้อขายรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา หลังศาลปกครองสูงสุดอ่านคำพิพากษาว่า 1. การประมูลจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทาง ของ อบจ.สงขลานั้นมีทั้งหมด 3 ครั้ง คือครั้งที่ 1 ประมุลจัดซื้อ 1 คัน เมื่อเดือน กรกฎาคม 2555 (สมัยนายอุทิศ ชูช่วย อดีตนายก อบจ.สงขลา) ครั้งที่ 2 ประมูลจัดซื้อ 1 คัน เมื่อเดือน กันยายน 2555 (สมัยนายอุทิศ ชูช่วย อดีตนายก อบจ.สงขลา) ครั้งที่ 3 ประมูลจัดซื้อ 2 คัน เมื่อเดือน พฤษภาคม 2556 (สมัยนายอุทิศ ชูช่วย อดีตนายก อบจ.สงขลา)

“2. นายนิพนธ์ บุญญามณี เข้ารับตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา เมื่อเดือนตุลาคม 2556 เป็นช่วงเดียวกับที่มีการส่งมอบรถซ่อมบำรุงทาง ของการจัดซื้อครั้งที่ 3 จำนวน 2 คัน ที่จัดซื้อตั้งแต่สมัยนายอุทิศ ชูช่วย เป็นนายกอบจ. 3. มีการร้องเรียนไปยัง ผวจ.สงขลา และ นายกอบจ.สงขลาว่าการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางในครั้ง 3 นั้น มีการปลอมเอกสาร และ มีการฮั้วประมูล ทางผวจ.สงขลา จึงแจ้งมายังองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในข้อร้องเรียนดังกล่าว และนายนิพนธ์ บุญญามณี ที่รับตำแหน่งนายกอบจ.สงขลาช่วงนั้นจึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้ชะลอการจ่ายเงินให้แก่ผู้ชนะการประมูล” นายนิพนธ์ กล่าว


นายนิพนธ์ กล่าวว่า 4. ในระหว่างคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่นั้น บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด (ผู้ชนะการประมูล) ได้ร้องต่อศาลปกครองสงขลา ให้ อบจ.สงขลาชำระเงินค่ารถซ่อมบำรุงทาง 5. ศาลปกครองสงขลา ได้ตัดสินให้ อบจ.สงขลา ชำระเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด พร้อมดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม อบจ.สงขลา ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้นัดอ่านคำพิพากษาวันนี้คือ 9 มิถุนายน 2565 ให้ อบจ.สงขลา ชำระค่ารถซ่อมบำรุงทางให้แก่ผู้ชนะการประมูลพร้อมดอกเบี้ย 6. ผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงพบว่า มีการฮั้วประมูลจริง ในการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางครั้งที่ 3 และนายนิพนธ์ บุญญามณี ก็ได้ให้ อบจ.สงขลา แจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง ณ สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลาแล้ว

“7. เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา ได้สรุปสำนวนการสอบสวนเสร็จสิ้น มีความเห็นควรสั่งฟ้องบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด โดยนายอิทธิพล ดวงเดือน (ผู้ชนะการประมูล) และนางสาวศศิธร ตั้งตรงคิด กรรมการบริษัท เอส พี เค ออโต้ เทค จำกัด (บริษัทคู่เทียบประมูล ในความผิดฐาน ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอมตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อวัตถุประสงค์จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือโดยกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานรัฐหรือโดยเอาเปรียบหน่วยงานรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264 และ268 และตาม พ.ร.บ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4, 14 (2) และมาตรา 14 วรรคสาม และอยู่ระหว่างส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการดำเนินคดีต่อไป” นายนิพนธ์ กล่าว

นายนิพนธ์ กล่าวว่า 8. ต้องหาได้ร้องขอโอนสำนวนการสอบสวนจาก สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา ไปยังกองบังคับการปราบปราม เพื่อทำการสอบสวนแทน และเมื่อวันที่ 9 ก.ย.64 กองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ได้สรุปสำนวนการสอบสวนว่าผู้ต้องหากับพวกในคดีนี้ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจริง และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยัง คณะกรรมการ ป.ป.ช. และจนถึงบัดนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา 9. นอกจากการประมูลจัดซื้อรถครั้งที่ 3 นั้น อบจ.สงขลา และ นายนิพนธ์ บุญญามณี ยังพบพยานหลักฐานว่า การประมูลจัดซื้อครั้งที่ 1 และ 2 สมัยนายอุทิศ ชูช่วย นั้น ก็มีการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกับการจัดซื้อครั้งที่ 3(คือมีการฮั้วฯ) เพราะเป็นกลุ่มเอกชนกลุ่มเดียวกัน จึงได้แจ้งความดำเนินคดี กับผู้ที่เกี่ยวข้องเช่นกัน สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา


“10. เมื่อวันที่ 23 ส.ค.64 สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา ได้สรุปสำนวนการสอบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อว่าในการประมูลครั้งที่ 1 และ 2 นั้น ผู้ต้องหา อันได้แก่ บริษัทพลวิศว์ เทค จำกัด (ผู้ชนะการประมูล ครั้งที่ 1) โดยนายอิทธิพล ดวงเดือน, หจก.เพลิโอนี (ผู้ชนะการประมูลครั้งที่ 2) โดยนายอิทธิพล ดวงเดือน และบริษัทคู่เทียบทุกรายในการประมูล ได้ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อวัตถุประสงค์จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือโดยกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานรัฐหรือโดยเอาเปรียบหน่วยงานรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ เป็นเหตุให้ อบจ.สงขลาได้รับความเสียหาย และได้ส่งเรื่องต่อไปยัง คณะกรรมการ ป.ป.ช เพื่อดำเนินการต่อไป 11. ต่อมาเมื่อวันที่ 12 เม.ย.65 นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนการสอบสวน ของการจัดซื้อครั้งที่ 1และ 2 กลับมายัง สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับกลุ่มเอกชนต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป และขณะนี้ พนักงานสอบสวนก็ได้อยู่ระหว่างส่งตัวผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ” นายนิพนธ์ กล่าว

นายนิพนธ์ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป.ป.ช.ชี้มูลความผิดที่นายนิพนธ์ไม่อนุมัติจ่ายเงินให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ผู้ขาย ซึ่งข้อเท็จจริงคือ 1. คณะกรรมการ ป.ป.ช ได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญากับนายนิพนธ์ บุญญามณี แต่อัยการสูงสุดได้ชี้ข้อไม่สมบูรณ์ของสำนวนคดีที่ป.ป.ช.ทำมาใน 16 ประเด็น และได้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างผู้แทนฝ่ายอัยการสูงสุด และผู้แทนฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่ผู้แทนฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่สามารถชี้แจงข้อไม่สมบูรณ์ของสำนวนคดีได้ตามที่อัยการสูงสุดระบุความไม่สมบูรณ์ของสำนวนที่ป.ป.ช.ทำมาได้ อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งไม่ฟ้องนายนิพนธ์ บุญญามณี และได้คืนสำนวนกดีกลับให้แก่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปแล้วเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565

“การพิจารณาในวันนี้เป็นเรื่องเดิมที่มีมาก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคกก.ตรวจฯก็สรุปความเห็นว่าบริษัทพลวิศว์ฯ ทำผิดพ.ร.บ.ฮั้วจริง ซึ่งเป็นการพิจารณาในทางแพ่งไม่เกี่ยวข้องกับการพิจาณาในคดีอาญา และโดยหลักการพิจารณาทางแพ่งจะนำมาใช้กับการพิจารณาทางอาญาไม่ได้ แต่ทางอาญาสามารถนำไปปรับเข้ากับการพิจารณาทางแพ่งได้ ซึ่งกรณีนี้มีความย้อนแย้งกันกัน ขณะเดียวกัน กองปราบปรามก็ได้สรุปสำนวนแล้วว่า บริษัทพลวิศว์ได้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วฯ และส่งสำนวนไปให้ป.ป.ช.ได้พิจารณาเพิ่มเติม ประกอบกับในสำนวนที่ป.ป.ช.ทำไปยังอัยการสูงสุดเพื่อยื่นฟ้องนั้น ขณะนี้อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง และได้ส่งสำนวนกลับไปยังป.ป.ช.แล้ว อีกทั้ง ได้ร้องขอความเป็นธรรมไปยังป.ป.ช.ให้พิจารณาเพิ่มเติมว่า นอกจากมีการฮั้วกันแล้ว การตรวจรับรถอเนกประสงค์ทั้ง 2 คัน ผู้ตรวจรับไม่มีอำนาจในการตรวจรับ จึงถือเป็นการตรวจรับโดยมิชอบ” นายนิพนธ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย