ทำเนียบรัฐบาล 6 มิ.ย.-นายกฯ เปิดงานวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ปี 2565 ยืนยัน รัฐบาลปราบปรามการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นจากประเทศ ชี้ เป็นภัยคุกคามความมั่นคงและละเมิดสิทธิมนุษยชน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดงานวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2565 ภายใต้หัวข้อ “No Victims No Tears” (ไม่มีผู้เสียหาย ไม่มีน้ำตาจากการค้ามนุษย์) จัดโดย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคประชาสังคม โดยมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารส่วนราชการ ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ ประจำประเทศไทย รวมถึงผู้แทนองค์การระหว่างประเทศเข้าร่วมงาน
โดยนายกรัฐมนตรี มอบรางวัลให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน หน่วยงาน เด็กและเยาวชนดีเด่นด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จำนวนทั้งสิ้น 14 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลผู้ปฏิบัติงานดีเด่น จำนวน 6 รางวัล รางวัลหน่วยงานดีเด่น จำนวน 4 รางวัล และรางวัลเด็กและเยาวชนดีเด่น จำนวน 4 รางวัล เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่และเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับบุคคลอื่นในสังคม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การค้ามนุษย์เป็นภัยคุกคามที่ส่งผลต่อความมั่นคงของชาติและภาพลักษณ์ของประเทศ รัฐบาลให้ความสำคัญและสร้างความตระหนักถึงภัยอันตรายของการค้ามนุษย์ โดยได้ประกาศให้การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา ซึ่งการดำเนินการมีความสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ด้านความมั่นคง ที่มีเป้าหมายให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข โดยมีกลไกในการบริหารจัดการภัยคุกคามทุกรูปแบบในทุกมิติแบบองค์รวม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ขบวนการค้ามนุษย์ได้คิดหาวิธีการหลอกลวง นำพา และกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ในรูปแบบใหม่ ๆ โดยเฉพาะผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ทั้งการค้าประเวณีออนไลน์ การหลอกลวงเด็ก เยาวชน และผู้หญิง ผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อผลิตสื่อลามกอนาจาร รวมทั้งการหลอกลวงโฆษณาจัดหางานออนไลน์ เพื่อชักชวนคนไทยให้ไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก จึงขอให้ทุกภาคส่วนบูรณาการการทำงานในทุกมิติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ตลอดจนปรับวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์และรูปแบบการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์โลก โดยพัฒนาทั้งด้านการดำเนินคดี การป้องกัน และการคุ้มครอง ที่เน้นการดำเนินงานที่ยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง ตามหลักสิทธิมนุษยชนและมาตรฐานสากล มีความเท่าเทียม และไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งสร้างความรู้ ความเข้าใจ เพื่อให้คนไทยทุกคนตระหนักว่าการค้ามนุษย์เป็นภัยใกล้ตัว และไม่เข้าร่วมหรือสนับสนุนขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่ประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ รวมทั้งขอทุกภาคส่วนในสังคม ผนึกกำลัง ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายทางสังคมในการเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐด้วย
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลมีเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ให้หมดไปจากสังคมไทยอย่างยั่งยืน และหวังว่าการจัดงานในวันนี้จะสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับจุดยืนในการดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทย โดยทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน และสร้างความเชื่อมั่นของประเทศไทยในเวทีโลกต่อไป พร้อมขอเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ทุกภาคส่วน ขอให้มีความมุ่งมั่น อดทน ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ร่วมกันเป็นพลังในการสร้างความสงบสุขให้แก่พี่น้องประชาชน และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย