ทำเนียบรัฐบาล 6 มิ.ย.-เลขาฯ สมช.ระบุ มีแนวโน้มให้ถอดแมสก์ – ขยายเวลาสถานบริการ หลัง 10 มิ.ย. ย้ำเดินหน้าเศรษฐกิจประเทศ แต่ต้องปลอดภัย ไม่เกิดความเสียหายภายหลัง
พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กล่าวถึงการพิจารณาเรื่องการถอดหน้ากากอนามัย และขยายเวลาเปิดสถานบริการถึง 02.00 น. ตามที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เตรียมเสนอว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพยายามใช้มาตราการผ่อนคลายให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตปกติเพื่อให้เศรษฐกิจเดินได้และต้องปลอดภัย ไม่ให้ประเทศเสียหาย ซึ่งกระบวนการทั้งหมดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กทม. ศปก. รายจังหวัดจะหารือประเด็นปัญหา จะผ่อนคลายภายใต้มาตรการความปลอดภัย
“ส่วนประเด็นผับบาร์ที่เสนอให้ขยายถึงตีสอง ซึ่งได้แจ้งแล้วว่าหลังจากนั้น 10 วันจะประเมิน หากได้รับความร่วมมือจะขยายเพิ่มขึ้นตามนโยบาย เช่น อาจจะบังคับใช้ในพื้นที่สีเขียวทั้งหมด ซึ่งตั้งเป้าว่าต้องเปิดได้ตามปกติภายใต้การควบคุมโรค ส่วนหน้ากากอนามัยจะเห็นว่าทั้งภูเก็ต กทม.ต้องการเปิดหน้ากากนำร่อง แต่สิ่งที่จะต้องพิจารณาคือต้องให้ประชาชนประกอบอาชีพได้เต็มรูปแบบ แต่ต้องป้องกันเพื่อใม่ให้เสียหายซ้ำสองหรือเกิดผลกระทบขึ้นมาอีก จะมีวิธีการอย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานจะมาหารือร่วมกัน เมื่อได้แนวทางแล้วจะเสนอต่อที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ดังนั้น หากดูบรรยากาศในปัจจุมันมีความเป็นไปได้สูงมาก” เลขาธิการสมช. กล่าว
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า เมื่อประชาชนให้ความร่วมมือ สถานประกอบการที่เปิดก็ต้องอยู่ภายใต้มาตราการป้องกันโรค ส่วนข้อกังวลที่น่าเป็นห่วงคือการฉีดวัคซีน เพราะบางพื้นที่มีเปอร์เซ็นต์การฉีดน้อยมาก แต่กทม.ไม่น่ากังวัลเพราะคนมีความตระหนักเรื่องนี้กันมาก เรื่องการผ่อนคลายมาตรการถอดหน้ากาก เราวางแผนแผนไว้เช่นนั้น แต่จะพิจารณาว่าเราทำตามแผนได้หรือไม่ ส่วนแนวโน้มที่จะให้ถอดหน้ากากแบบสมัครใจ เป็นส่วนหนึ่งในรายละเอียดของแผนว่าเราจะผ่อนคลายในลักษณะไหนให้ปลอดภัยที่สุด
เลขาธิการสมช. กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดให้บริการเข็มที่ 5 โดยมีเห็นผลเฉพาะ เช่น การเดินทางไปต่างประเทศที่มีเงื่อนไขเข็มบูสเตอร์เป็น mRNA รวมถึงกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มที่มีความจำเป็น ยืนยันว่าวัคซีนที่มีอยู่ในช่วงแรก แอสตร้าเซเนก้า ยังเป็นวัคซีนที่ไม่หมดอายุ สามารถใช้ได้อยู่
พล.อ.สุพจน์ กล่าวถึงกรณีจับกุมชาวโรฮิงยาที่ จ.สตูล ว่าเรื่องนี้มี 2 กรณี คือที่ผู้รับผิดชอบต้องสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจน ว่าเป็นการค้ามนุษย์หรือเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองเพราะทั้งสองเรื่องมีกระบวนการตามขั้นตอนชัดเจน ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่ไทยเกี่ยวข้องหรือไม่ กำลังติดตามข่าว ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียด ต้องสืบสวนให้ได้ข้อเท็จจริง “ต้องดูว่าค้ามนุษย์ หรือหลบหนีเข้าเมือง เพราะจะมีแนวทางการดำเนินการ ที่ผ่านมามีการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่สิ่งที่เราดำเนินการต่อเนื่อง คือเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศและการคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน”.-สำนักข่าวไทย