fbpx

เสวนาพรรคเพื่อชาติ “มื้อค่ำเพื่อทางออกประเทศไทย”

อิมแพคเมืองทองธานี 28 พ.ค. – เสวนาพรรคเพื่อชาติ นักวิชาการมอง 8 ปี รัฐบาลทำประเทศ ขาดศักยภาพในการแข่งขัน ขณะที่ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ชี้ประเทศจะเปลี่ยนได้ ต้องมีนายกฯ ที่เหมาะสม ส.ส.กินกล้วยต้องหมดสภาฯ เชื่อ “ธรรมนัส” ล้มรัฐบาลยาก


พรรคเพื่อชาติ จัดงานเสวนาภายใต้หัวข้อ “มื้อค่ำเพื่อทางออกประเทศไทย” ณ ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่านายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ไม่ได้เดินทางมาร่วมงาน ท่ามกลางกระแสข่าวเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ โดยมีนายเทวกฤต พรหมมา รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ เป็นผู้กล่าวเปิดงาน ว่า การจัดงานวันนี้เป็นการรับฟังความคิดเห็น รวมถึงเสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหาของประเทศ เพื่อให้ทุกคนได้ทบทวนกับสิ่งต่างๆที่ผ่านมา โดยจะได้รับฟังแนวคิดใหม่ๆ จากคนรุ่นใหม่ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาของชาติ ด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน หวังว่าการเสวนาในวันนี้จะนำไปสู่การสร้างแรงผักดันเชิงบวก และจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์เพื่อประเทศไทยของเราจะได้มีทางออกจากปัญหาที่เกิดขึ้น

นางสาวปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ กล่าวถึง ปัญหาต่างๆ ในประเทศที่มีรอบด้าน พรรคเพื่อชาติจะแก้ไขปัญหาจากต้นตอให้สำเร็จ ให้ความสำคัญกับเป้าหมายและโอกาสใหม่ๆ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมถึงธุรกิจใหม่ใหม่ ที่จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติให้เข้าประเทศ พรรคเพื่อชาติมีความตั้งใจ ทำเพื่อประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างรายได้ให้กับประชาชน และช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ด้วยยุทธศาสตร์พลิกแผ่นดิน ฟื้นแผ่นน้ำ อีกทั้งจะสนับสนุน soft power ให้มีที่ยืนในเวทีโลก


นางสาวปิยะรัฐชย์ กล่าวว่า วันนี้แม้จะเป็นพรรคการเมืองขนาดเล็ก แต่ถ้าประชาชนพร้อมให้เราใหญ่ เราก็จะใหญ่ให้ประชาชน พรรคต้องการมี ส.ส. จำนวนมากในสภาฯ แต่ต้องเป็น ส.ส. ที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ ส.ส. ที่เพียงไปนั่งเล่นในสภาฯ สิ่งพวกนี้จะเกิดขึ้นได้ ต้องได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชน

จากนั้น เวทีเสวนา “มื้อค่ำเพื่อทางออกประเทศไทย” มีนายวิโรจน์ อาลี นายจารุพล เรืองสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมงาน โดยมีนายศิโรตน์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ เป็นผู้ดำเนินรายการ

นายวิโรจน์ กล่าวว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องของความมั่นคงมากจนเกินไป และไม่ได้ให้ความสำคัญกับทรัพยากรที่มีอยู่ และไทยขาดศักยภาพในการแข่งขัน เนื่องจากการรัฐประหาร 8 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับในยุครัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ พัฒนาเท่าที่ควร ซึ่งผู้นำในการบริหารงาน ที่เป็นระบบรัฐราชการ ทำให้เกิดความก้าวหน้า ดังนั้นควรต้องมีการเปลี่ยนแปลง


นายจารุพล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา แต่ทั้งนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในหลายเรื่อง อาทิ เรื่องของความมั่นคง ซึ่งมีหลายด้าน แต่ปัจจุบันในประเทศไทย รัฐมองเรื่องความมั่นคงแคบเกินไป และมีปัญหาในการปรับตัว ซึ่งจากการศึกษาข้อมูล พบว่าในอนาคตจะเกิดภัยคุกคามอย่างหนึ่ง คือ ความไม่มั่นคงทางการเมือง และคาดว่า อนาคตจะมีการประท้วงกันมากขึ้น ทั้งนี้ คาดหวังว่าคนรุ่นใหม่ ทั้งผู้นำและนักการเมือง ต้องปรับแนวคิดว่า คือผู้รับใช้เพื่อประชาชน

ขณะที่นายยงยุทธ กล่าวว่า ปัญหาของประเทศเป็นปัญหาที่ไม่มีวันจบ เปรียบเทียบกับต่างประเทศ มีความก้าวหน้าไปมากกว่าไทย แต่ไทยยังไม่พัฒนาได้ทัน อีกทั้งยังไม่มีการปรับตัวในหลายเรื่อง อาทิ กฎหมายต่างๆ ที่ยังไม่ทันสมัย พร้อมตั้งคำถาม ที่ไทยเสียเปรียบในหลายเรื่องนั้น เป็นเพราะไทยขาดความเข้าใจในการบริหารงานในภาวะวิกฤติ รวมถึงมีการคอรัปชันหรือไม่

นายยงยุทธ กล่าวว่า หน้าที่ของรัฐบาลต้องดูแลคนที่ยากจนและอ่อนแอ พร้อมสร้างศักยภาพให้คนเหล่านั้น มีความพร้อมในการแข่งขัน ประเทศจึงจะเดินหน้าไปได้ ไม่ใช่เอื้อประโยชน์ให้เพียงแต่กลุ่มทุนรายใหญ่เท่านั้น ดังนั้น ปัญหาของไทยขณะนี้ คือ มีกฎหมายล้าหลัง ผู้บริหารขาดวิสัยทัศน์ และต้องมีการสร้างขีดความสามารถของมนุษย์ แต่มองว่า 8 ปีที่ผ่านมา ผู้นำของประเทศยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย

“ที่ผ่านมา กว่า 30 ปี มักจะได้ยินว่า ส.ส.ไปรับเงินในห้องน้ำ เวลาจะผ่านกฎหมายสำคัญ และส.ส.ยังสามารถย้ายพรรคได้ตลอดเวลา จึงทำให้ ส.ส.ไปทำมาหากิน เหมือนที่ชอบกินกล้วย เป็นแบบนี้มาตลอด จนนำไปสู่การปฎิรูปประเทศ เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญมาหลายฉบับ ซึ่งหากถามว่าจะสามารถเปลี่ยนประเทศได้หรือไม่นั้น จะต้องทำให้รัฐบาลเข้มแข็ง ส.ส.กินกล้วยต้องหมดสภาฯ และที่สำคัญ ต้องมีกระบวนการคัดสรรนายกรัฐมนตรี ที่ตรงกับสายวิชาชีพ ไม่ใช่เอายาม หรืออาชีวะมาทำหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหา และถ้าจะให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ สิ่งสำคัญคือประชาชนต้องรับผิดชอบผ่านการเลือกตั้ง” นายยงยุทธ กล่าว

ส่วนการเลือกตั้งในปีหน้าจะเกิดปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ คือ ฝ่ายประชาธิปไตย จะชนะทั้งประเทศหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่าตราบใดที่เรายังมี ส.ว.250 คน ก็คือปัญหา ดังนั้นการที่บอกจะแลนด์สไลด์ ภายใต้เงื่อนไขและกติกาในปัจจุบัน ต้องได้ 300 เสียง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะการจัดกระบวนทัพของฝ่ายตรงข้ามประชาธิปไตยยังไม่เรียบร้อย แต่ถ้าเรียบร้อยแล้ว คาดว่าคะแนนก็น่าจะเบี่ยงกันเล็กน้อย และแม้การเลือกตั้งจะได้เสียงถล่มทลายแค่ไหน แต่เมื่อตั้งรัฐบาล ก็จะได้คนเดิมๆ กลับมา ซึ่งตนมีข้อกังวลในเรื่องนี้

ทั้งนี้ มองปรากฏการณ์ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจนล้มรัฐบาลได้หรือไม่นั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า การจะล้มรัฐบาลเป็นปรากฏการณ์ที่ยากมาก เพราะ กระบวนการในสภาฯ ยังเอื้อกับฝ่ายรัฐบาล ทั้งประธานสภาฯ ที่มักจะชอบปิดประชุมทุกครั้งที่รัฐบาลอยู่ในสถานการณ์ที่เพลี่ยงพล้ำ และมักจะมีช่องทางให้ซื้อ ส.ส. เพื่อโหวตภารกิจสำคัญ

ภายหลังเสวนา มีการร่วมรับประทานอาหารของผู้สนับสนุนพรรค รวมถึงมีการแสดงดนตรีสดจากวงออร์เคสตรา (Orchestra) จากนายสุกรี เจริญสุข รวมถึงการแสดงงานศิลปะจากนายสุชาติวงษ์ทอง ศิลปินสีน้ำชื่อดังและครูศิลปะนานาชาติ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อนจัด-กลางวันฟ้าหลัว

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวตอนกลางวัน แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนอง 10%

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง