รัฐสภา 25 พ.ค.-“มงคลกิตติ์” มอบฝ่ายกฏหมาย สภาฯ ร่างกม.2 ฉบับ ตั้งกองทุนประกันตัว สำนักทนายรัฐว่าความฟรี หวังปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ช่วยคนที่มีโอกาสน้อยทางสังคม ไม่มีพรรคพวก ระบุถ้าเสร็จทันรัฐบาลนี้ ช่วยคดีแตงโมได้
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงว่า หลังจากที่เกิดคดีการเสียชีวิตของร.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ได้มอบหมายให้สำนักกฎหมายสภาผู้แทนราษฎรร่างกฎหมาย 2 ฉบับ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน โดยเกี่ยวข้องกับคดีอาญาและคดีทั่วไป คือ 1.ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สืบสวนคดีอาญาพ.ศ. … ซึ่งเดิมทีรัฐบาลดำเนินการบางส่วนไปแล้ว แต่ติดอยู่ที่ไม่ยอมนำเข้าสู่สภาฯ ทำให้ตนและส.ส.กลุ่ม 16 ร่วมกันลงชื่อเสนอ โดยมีหลักสำคัญคือเนื่องจากพ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ.2477 ที่ต่อมาได้รับการแก้ไขในปีพ.ศ. 2548 แต่ยังถือว่าเป็นกฎหมายล้าสมัย
“หลักสำคัญของกฎหมายฉบับนี้มี 6 ประเด็น เช่น ให้อัยการมามีส่วนสืบสวนสอบสวน ส่วนสถาบันนิติเวชวิทยาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงสาธารณสุข การเปิดรับหลักฐานจากภาคเอกชนและโซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ ยังเปิดช่องให้สามีหรือภรรยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส แต่อยู่กินฉันสามีภรรยาที่รับทราบโดยทั่วไป สามารถเป็นผู้เสียหายได้ เช่น กรณีเบิร์ด กับแตงโม เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุล กรณีที่คนจนติดคุก แต่คนรวยมีเส้นสายและพรรคพวกรอดตลอดเวลา กรณีที่พนักงานสอบสวนมีคดีในมือจำนวนมาก ทำให้เกิดความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ ที่คนจนมาสู้กับนักการเมืองหรือข้าราชการระดับสูงไม่ได้” นายมงคลกิตติ์ กล่าว
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า 2. ร่างพ.ร.บ.สำนักงานทนายรัฐ โดยใช้เกาหลีใต้โมเดล ห้ทนายความมาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีหน้าที่ว่าความให้โจทก์และจำเลยทุกคดี โดยที่ประชาชนไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว รัฐจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ใช้เงินประมาณปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้เกิดความเท่าเทียมในกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น เพราะประชาชนคนไทยประมาณ 40-50 ล้านคนมีฐานะยากจน ทั้งยังเสนอให้ตั้งกองทุนประกันตัว โดยไม่ได้จำกัดวงเงิน เพื่อเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐาน และไม่ให้ใครต้องติดคุกก่อน เว้นแต่ศาลเห็นว่าจะหลบหนีแล้วจำเป็นต้องจำคุก ถ้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ทำเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้น่าจะนำมาใช้ทันต่อกรณีของคดีแตงโม เพื่อให้เกิดความยุติธรรม รวมถึงถือเป็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม.-สำนักข่าวไทย