ทำเนียบฯ 24 พ.ค.- นายกฯ เตรียมเปิดงานสัมมนา ความปลอดภัยทางถนน พร้อมขับเคลื่อนวัฒนธรรมความปลอดภัยของประเทศ ภายใต้ทศวรรษใหม่ วิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัยต้องมาก่อน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (25 พ.ค.) เวลา 09.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 15 ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ ชั้น 4 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายป้องกันอุบัติเหตุทางถนน ร่วมจับมือสร้างระบบความปลอดภัยทางถนน ผลักดันติดตามประเมินผลควบคู่บังคับใช้ด้านกฎหมายเพื่อความปลอดภัย เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายลดการเสียชีวิตให้เหลือ 12 คนต่อแสนประชากรให้ได้ภายใน ปี 2570 นำไปสู่การสร้างระบบ “วิถีแห่งระบบที่ปลอดภัย” เกิดเป็นวัฒนธรรมความปลอดภัยของประเทศ ภายใต้ “ทศวรรษใหม่ วิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัยต้องมาก่อน”
ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้จัดทำแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2565 – 2570) โดยมีจุดเน้นแก้ไขสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และการเสียชีวิตสำคัญของประเทศไทย ได้แก่ 1.การเกิดอุบัติเหตุในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ 2. การเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน 3.การจัดการความเร็ว และ 4.การติดตามและประเมินผล ซึ่งแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2565 – 2570) เป็นการกำหนดกรอบแนวทาง ในการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน ที่จะร่วมกันในการสร้างวัฒนธรรมการเดินทางที่ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการในการป้องกัน และลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ ซึ่งถือเป็นด่านหน้าที่มีความสำคัญในการลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งผลสรุปจากการจัดงานสัมมนาฯ ในครั้งนี้ จะประมวลความรู้และจัดทำข้อเสนอนโยบายต่อศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป. สำนักข่าวไทย