ร้องกมธ.ดันตรวจคราบเลือดบนเรืออีกรอบ

รัฐสภา 24 พ.ค.-“อัจฉริยะ” ยื่นกมธ. ส.ว.ประสานยุติธรรม นำเรือคดีแตงโมตรวจหาคราบเลือดใหม่ หลังพบหลักฐานทำร้ายร่างกายบนเรือ จ่อเปิดคลิปแฉ เหน็บ “ทนายแม่” ดีแต่พูด


นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือต่อนายสมชาย แสวงการ ประธานกรรมาธิการวุฒิสภา เพื่อประสานไปยังนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นำเรือลำเกิดเหตุคดีภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ไปตรวจคราบเลือดใหม่อีกครั้ง เนื่องจากมีพยานหลักฐานใหม่ ที่เชื่อว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง

“ถ้าดีเอสไอไม่ตรวจคราบเลือดให้เรา ก็แสดงให้เห็นว่าเขาจะไม่รับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งผมเชื่อว่าไม่มีทางที่บนเรือจะไม่มีคราบเลือด เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือมาให้ข้อมูลกับผมแล้ว แม้จะใช้น้ำยาล้างก็ยังน่าจะมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่ ถ้าดีเอสไอจริงใจก็ต้องตรวจสอบให้ แต่ถ้าไม่ทำ ก็ชี้ชัดเจน 99.99 % ว่าเกรงใจตำรวจ แล้วจะไม่รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ” นายอัจฉริยะ กล่าว


นายอัจฉริยะ กล่าวถึงหลักฐานดังกล่าวว่า เหมือนกับที่ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายของแม่แตงโมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่ามี หลักฐานอันเชื่อได้ว่ามีการทำร้ายร่างกายแตงโมบนเรือ ซึ่งมีมานานแล้ว ตนไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่แจ้งเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคดีนี้ไม่ใช่การประมาท แต่เป็นคดีที่ทำร้ายร่างกายกัน ที่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน เหตุใดจึงไม่ทำหน้าที่ทนายความที่ดี และต้องให้ตนเป็นคนเปิด

ส่วนกรณีที่พนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาแตงโม เชื่อว่าคดีนี้อาจเป็นการฆาตกรรม นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ยังไม่อยากให้คุณแม่เชื่อตนขนาดนั้น เพราะเกรงว่าจะไปกระทบจิตใจคนอื่น หน้าที่ของตนคือพิสูจน์ความจริง ส่วนทนายความควรทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ใช่ดีแต่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่ามีภาพมีคลิปซ้อมแตงโม แต่ไม่เอาให้ตำรวจ หรือให้อัยการ

“ขั้นตอนที่กำลังดำเนินการคือต้องเจอคราบเลือด เจอมีด หรือเจอวัตถุพยานสำคัญที่จะมัดคนในกระบวนการนี้ทั้งหมด ซึ่งผมมีทั้งภาพและคลิปต่าง ๆ อยู่ แต่ต้องเชื่อมโยงว่าจะมัดยังไงเพื่อเอาให้ได้ เบื้องต้นอาทิตย์เราจะใช้โดรนใต้น้ำตั้งแต่สะพานซังฮี้ไปจนสะพานพระราม 8 เพื่อหามีด ส่วนเรื่องของคลิปที่มีอยู่จะเริ่มทยอยเปิดบางส่วนในวันพรุ่งนี้(24 พ.ค.) โดยใช้หัวข้อ “ไป 6 กลับ 5” ซึ่งจะเห็นได้ชัดเลยว่า ในคลิปกับสิ่งที่ตำรวจแถลงมันคนละเรื่องกัน ทั้งเรื่องเวลาตกและจุดตก มั่นใจว่าจะทำให้การแถลงข่าวของตำรวจเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมาเป็นเฟคนิวส์ทั้งนั้น เป็นเรื่องที่มโน โดยใช้นิติไสยศาสตร์ ไม่ใช่นิติวิทยาศาสตร์ หลักฐานพวกนี้ตำรวจมีอยู่แล้ว แต่เขาไม่ทำให้ตรงไปตรงมา ผมไม่คิดว่ามีเรื่องการรับเงินรับทองเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะเป็นเรื่องของฝีมือไม่ถึงมากกว่า ผมมีหน้าที่พิสูจน์ความจริง ไม่ใช่หน้าที่ทนายความ เพื่อให้เห็นว่า สิ่งที่คนบนเรือพูดไม่มีความน่าเชื่อถือ และเข้าข่ายให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน” นายอัจฉริยะ กล่าว


นายอัจฉริยะ กล่าวถึงกรณีที่มีการเปิดเผยคลิปและภาพใน Facebook ของแตงโม ว่า ส่วนใหญ่เป็นภาพเก่าและบางส่วนมีการตัดต่อที่ไม่น่าเชื่อถือ ส่วนที่ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ให้สัมภาษณ์ว่าตนเกี่ยวข้องกับบังแจ็คซึ่งเป็นคนปล่อยข้อมูล เป็นการพูดไปเรื่อย

“ตั้มมันเลอะเทอะ คนที่มี Account คุณแม่บอกว่ามี 3 คน ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับผมอยู่แล้ว ผมยังไม่เคยเจอคุณแม่เลย ไม่เคยเห็นไม่เคยเจอกันด้วย แล้วเขาจะเอามาให้ผมได้ยังไง Account บังแจ็คไม่มีราคาสำหรับผมหรอก ไอ้พวก 18 มงกุฎ คนละเกรดกัน ถ้าผมจะทำ ผมเปิดเองดีกว่า ถ้าผมมีนะ ผมเปิดเองไม่ได้ผิดกฏหมายอะไรอยู่แล้ว และผมเปิดได้ดีกว่าคนที่เปิดอีก ถ้าผมมีข้อมูล ทำไมต้องให้บังแจ็คเปิด ผมมีเครดิตมากกว่าบังแจ็คเป็นร้อยเท่า และคนเชื่อถือผมมากกว่าบังแจ็คอีก” นายอัจฉริยะ กล่าว

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า คนที่เปิดข้อมูลผ่าน Facebook เป็นคนดี ที่อยู่ในประเทศไทย และเปิดเผยอยู่ในไทยไม่ใช่ต่างประเทศ และไม่ใช่บังแจ็ค จากประสบการณ์เชื่อว่าไม่ใช่ 3 คนที่เข้าถึง account นี้ได้ตามที่แม่แตงโมบอก มันไม่มีเหตุผลพอที่เขาจะทำ เชื่อว่าคนที่ปล่อยคือเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ไม่ขอเจาะจงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดี๋ยวจะถูกฟ้องอีก

ส่วนที่เหลืออีกไม่กี่วันอัยการจะสรุปสำนวนส่งฟ้องศาล นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เขายังไม่สั่งฟ้องในวันที่ 27 พฤษภาคมเหมือนกับที่ทนายเดชาระบุ เพราะหาอีก 2 วัน มีภาพปรากฏชัดว่าทำร้ายร่างกาย แล้วจะเป็นคดีประมาทได้อย่างไร จึงเชื่อว่าอัยการจะทำสำนวนให้ละเอียดรอบคอบและยังไม่สั่งฟ้องในวันดังกล่าว ยังมีเวลาอีกมาก ฟ้องวันสุดท้ายก็ยังทัน อัยการคงไม่เอาชื่อเสียงมาแลก เพราะถือว่าเป็นคดีประวัติศาสตร์คดีหนึ่ง อะไรที่ยังไม่ชัด และอะไรที่นำไปฟ้องแล้วศาลยกฟ้อง คงไม่ทำอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงสิ่งที่เคยพูดว่า หลังจากนี้หากเปิดหลักฐานออกไปแล้ว ไม่จริงจะยอมให้โดนเหยียบหน้า นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนพูดถึงผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี หากไม่สามารถย้ายเขาออกจากพื้นที่ได้ ให้แตงโมมาเหยียบหน้าตนได้เลย เป็นเรื่องของผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี คนอื่นไม่เกี่ยว ซึ่งเขาได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตน และตนจะดำเนินคดีกับเขาในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ค.) เวลา 10.00 น.

“ยืนยันว่าไม่มีใครมาข่มขู่ ผมไม่กลัวใครอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือการพิสูจน์ความจริงให้กับแตงโมและคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งวันหน้าอาจจะเกิดคดีแบบแตงโมอีก ถ้าปล่อยให้เจ้าหน้าที่รัฐร่วมมือกระบวนการสร้างพยานหลักฐานเท็จ เอาคำพูดคนรวยมาเป็นตัวตั้งคดี ต่อไปความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมไม่อยากเชื่อกระทรวงยุติธรรม เพราะจากประสบการณ์ 10 ปีที่ผ่านมา และตั้งแต่ตั้งอธิบดีคนใหม่มา 6 เดือน ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน” นายอัจฉริยะ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]