ร้องกมธ.ดันตรวจคราบเลือดบนเรืออีกรอบ

รัฐสภา 24 พ.ค.-“อัจฉริยะ” ยื่นกมธ. ส.ว.ประสานยุติธรรม นำเรือคดีแตงโมตรวจหาคราบเลือดใหม่ หลังพบหลักฐานทำร้ายร่างกายบนเรือ จ่อเปิดคลิปแฉ เหน็บ “ทนายแม่” ดีแต่พูด


นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือต่อนายสมชาย แสวงการ ประธานกรรมาธิการวุฒิสภา เพื่อประสานไปยังนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นำเรือลำเกิดเหตุคดีภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ไปตรวจคราบเลือดใหม่อีกครั้ง เนื่องจากมีพยานหลักฐานใหม่ ที่เชื่อว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง

“ถ้าดีเอสไอไม่ตรวจคราบเลือดให้เรา ก็แสดงให้เห็นว่าเขาจะไม่รับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งผมเชื่อว่าไม่มีทางที่บนเรือจะไม่มีคราบเลือด เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือมาให้ข้อมูลกับผมแล้ว แม้จะใช้น้ำยาล้างก็ยังน่าจะมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่ ถ้าดีเอสไอจริงใจก็ต้องตรวจสอบให้ แต่ถ้าไม่ทำ ก็ชี้ชัดเจน 99.99 % ว่าเกรงใจตำรวจ แล้วจะไม่รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ” นายอัจฉริยะ กล่าว


นายอัจฉริยะ กล่าวถึงหลักฐานดังกล่าวว่า เหมือนกับที่ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายของแม่แตงโมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่ามี หลักฐานอันเชื่อได้ว่ามีการทำร้ายร่างกายแตงโมบนเรือ ซึ่งมีมานานแล้ว ตนไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่แจ้งเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคดีนี้ไม่ใช่การประมาท แต่เป็นคดีที่ทำร้ายร่างกายกัน ที่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน เหตุใดจึงไม่ทำหน้าที่ทนายความที่ดี และต้องให้ตนเป็นคนเปิด

ส่วนกรณีที่พนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาแตงโม เชื่อว่าคดีนี้อาจเป็นการฆาตกรรม นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ยังไม่อยากให้คุณแม่เชื่อตนขนาดนั้น เพราะเกรงว่าจะไปกระทบจิตใจคนอื่น หน้าที่ของตนคือพิสูจน์ความจริง ส่วนทนายความควรทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ใช่ดีแต่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่ามีภาพมีคลิปซ้อมแตงโม แต่ไม่เอาให้ตำรวจ หรือให้อัยการ

“ขั้นตอนที่กำลังดำเนินการคือต้องเจอคราบเลือด เจอมีด หรือเจอวัตถุพยานสำคัญที่จะมัดคนในกระบวนการนี้ทั้งหมด ซึ่งผมมีทั้งภาพและคลิปต่าง ๆ อยู่ แต่ต้องเชื่อมโยงว่าจะมัดยังไงเพื่อเอาให้ได้ เบื้องต้นอาทิตย์เราจะใช้โดรนใต้น้ำตั้งแต่สะพานซังฮี้ไปจนสะพานพระราม 8 เพื่อหามีด ส่วนเรื่องของคลิปที่มีอยู่จะเริ่มทยอยเปิดบางส่วนในวันพรุ่งนี้(24 พ.ค.) โดยใช้หัวข้อ “ไป 6 กลับ 5” ซึ่งจะเห็นได้ชัดเลยว่า ในคลิปกับสิ่งที่ตำรวจแถลงมันคนละเรื่องกัน ทั้งเรื่องเวลาตกและจุดตก มั่นใจว่าจะทำให้การแถลงข่าวของตำรวจเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมาเป็นเฟคนิวส์ทั้งนั้น เป็นเรื่องที่มโน โดยใช้นิติไสยศาสตร์ ไม่ใช่นิติวิทยาศาสตร์ หลักฐานพวกนี้ตำรวจมีอยู่แล้ว แต่เขาไม่ทำให้ตรงไปตรงมา ผมไม่คิดว่ามีเรื่องการรับเงินรับทองเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะเป็นเรื่องของฝีมือไม่ถึงมากกว่า ผมมีหน้าที่พิสูจน์ความจริง ไม่ใช่หน้าที่ทนายความ เพื่อให้เห็นว่า สิ่งที่คนบนเรือพูดไม่มีความน่าเชื่อถือ และเข้าข่ายให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน” นายอัจฉริยะ กล่าว


นายอัจฉริยะ กล่าวถึงกรณีที่มีการเปิดเผยคลิปและภาพใน Facebook ของแตงโม ว่า ส่วนใหญ่เป็นภาพเก่าและบางส่วนมีการตัดต่อที่ไม่น่าเชื่อถือ ส่วนที่ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ให้สัมภาษณ์ว่าตนเกี่ยวข้องกับบังแจ็คซึ่งเป็นคนปล่อยข้อมูล เป็นการพูดไปเรื่อย

“ตั้มมันเลอะเทอะ คนที่มี Account คุณแม่บอกว่ามี 3 คน ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับผมอยู่แล้ว ผมยังไม่เคยเจอคุณแม่เลย ไม่เคยเห็นไม่เคยเจอกันด้วย แล้วเขาจะเอามาให้ผมได้ยังไง Account บังแจ็คไม่มีราคาสำหรับผมหรอก ไอ้พวก 18 มงกุฎ คนละเกรดกัน ถ้าผมจะทำ ผมเปิดเองดีกว่า ถ้าผมมีนะ ผมเปิดเองไม่ได้ผิดกฏหมายอะไรอยู่แล้ว และผมเปิดได้ดีกว่าคนที่เปิดอีก ถ้าผมมีข้อมูล ทำไมต้องให้บังแจ็คเปิด ผมมีเครดิตมากกว่าบังแจ็คเป็นร้อยเท่า และคนเชื่อถือผมมากกว่าบังแจ็คอีก” นายอัจฉริยะ กล่าว

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า คนที่เปิดข้อมูลผ่าน Facebook เป็นคนดี ที่อยู่ในประเทศไทย และเปิดเผยอยู่ในไทยไม่ใช่ต่างประเทศ และไม่ใช่บังแจ็ค จากประสบการณ์เชื่อว่าไม่ใช่ 3 คนที่เข้าถึง account นี้ได้ตามที่แม่แตงโมบอก มันไม่มีเหตุผลพอที่เขาจะทำ เชื่อว่าคนที่ปล่อยคือเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ไม่ขอเจาะจงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดี๋ยวจะถูกฟ้องอีก

ส่วนที่เหลืออีกไม่กี่วันอัยการจะสรุปสำนวนส่งฟ้องศาล นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เขายังไม่สั่งฟ้องในวันที่ 27 พฤษภาคมเหมือนกับที่ทนายเดชาระบุ เพราะหาอีก 2 วัน มีภาพปรากฏชัดว่าทำร้ายร่างกาย แล้วจะเป็นคดีประมาทได้อย่างไร จึงเชื่อว่าอัยการจะทำสำนวนให้ละเอียดรอบคอบและยังไม่สั่งฟ้องในวันดังกล่าว ยังมีเวลาอีกมาก ฟ้องวันสุดท้ายก็ยังทัน อัยการคงไม่เอาชื่อเสียงมาแลก เพราะถือว่าเป็นคดีประวัติศาสตร์คดีหนึ่ง อะไรที่ยังไม่ชัด และอะไรที่นำไปฟ้องแล้วศาลยกฟ้อง คงไม่ทำอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงสิ่งที่เคยพูดว่า หลังจากนี้หากเปิดหลักฐานออกไปแล้ว ไม่จริงจะยอมให้โดนเหยียบหน้า นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนพูดถึงผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี หากไม่สามารถย้ายเขาออกจากพื้นที่ได้ ให้แตงโมมาเหยียบหน้าตนได้เลย เป็นเรื่องของผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี คนอื่นไม่เกี่ยว ซึ่งเขาได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตน และตนจะดำเนินคดีกับเขาในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ค.) เวลา 10.00 น.

“ยืนยันว่าไม่มีใครมาข่มขู่ ผมไม่กลัวใครอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือการพิสูจน์ความจริงให้กับแตงโมและคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งวันหน้าอาจจะเกิดคดีแบบแตงโมอีก ถ้าปล่อยให้เจ้าหน้าที่รัฐร่วมมือกระบวนการสร้างพยานหลักฐานเท็จ เอาคำพูดคนรวยมาเป็นตัวตั้งคดี ต่อไปความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมไม่อยากเชื่อกระทรวงยุติธรรม เพราะจากประสบการณ์ 10 ปีที่ผ่านมา และตั้งแต่ตั้งอธิบดีคนใหม่มา 6 เดือน ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน” นายอัจฉริยะ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น