ทำเนียบรัฐบาล 20 พ.ค.-รมว.สธ. เผยที่ประชุม ศบค. วันนี้ยังไม่พิจารณาให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น แต่จะผ่อนคลายมาตรการตามสถานการณ์ “สวมแมสก์-เว้นระยะห่าง” ไม่ใช่ข้อบังคับ เพียงขอความร่วมมือ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยก่อนร่วมประชุมศบค.ชุดใหญ่ ว่าที่ประชุมวันนี้ (20 พ.ค.) ยังไม่พิจารณาให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และยังไม่เคยกำหนดว่าจะกำหนดให้วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นวันที่ต้องเริ่ม แต่การดำเนินการอยู่ในแนวนี้อยู่แล้ว โรคประจำถิ่นไม่ใช่อยู่ดีๆ จะประกาศได้
“ตอนที่ประกาศเป็นโรคร้ายแรง ทางองค์การอนามัยโลกก็เป็นผู้ประกาศ ซึ่งต้องประสานงาน แต่การออกมาตรการต่างๆ พยายามใช้สถานการณ์ปัจจุบัน ผ่อนคลายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเบื้องต้นสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทยเริ่มเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น การเป็นโรคประจำถิ่นคือมีผู้เสียชีวิตจำนวนไม่มาก แต่อาจมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากได้ แต่อาการไม่รุนแรง คนที่ได้รับวัคซีนแล้วอาการไม่รุนแรงไม่ถึงขั้นเสียชีวิต นี่คือบริบทหนึ่งของโรคประจำถิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมจะพิจารณาเรื่องการปรับพื้นที่สีต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลาย การให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงดำเนินกิจการได้ ไม่ใช่ขายอาหารแต่เพียงอย่างเดียว
ส่วนความคืบหน้าการแก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อ ที่จะมาบังคับใช้แทน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พ.ร.บ.โรคติดต่อ ถูกนำมาใช้อยู่แล้ว ควบคู่ไปกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นการรวมความร่วมมือของทุกฝ่าย โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตราบใดที่ ศบค. ยังไม่ยุบ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยังมีผลบังคับใช้ เราก็ทำงานร่วมกัน
“ส่วนการสวมหน้ากาก การเว้นระยะห่างเป็นข้อแนะนำการปฏิบัติตัว ไม่ใช่การบังคับ เพราะไม่มีกฎหมายใดกำหนดว่าไม่สวมหน้ากากแล้วจะถูกลงโทษ เราไม่ต้องบังคับใช้ เพราะเราได้รับความร่วมมือจากประชาชน เราถึงมีสถานการณ์ดีขึ้น วันนี้ผู้ป่วยหนักเหลือประมาณหลักพันต้นๆ การควบคุมสถานการณ์ก็ดีขึ้น” นายอนุทิน กล่าว.-สำนักข่าวไทย